ภาสกร จำลองราช

เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว(2567) โจ(นามสมมุติ) ชายชาวจีนซึ่งทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งได้รับเงินเดือน 4,000 หยวน ได้รับการชักชวนให้เข้ามาทำงานในไทย ผ่าน We Chat เพื่อทำงานในเหมืองแห่งหนึ่ง ที่เขาเชื่อถือเพราะมีเพื่อนบ้านบางส่วนการันตีว่าเคยไปทำงานที่นั่นมาแล้ว
นายหน้าตกลงกันว่าเขาจะได้รับค่าตอบแทนสูงถึงเดือนละ 80,000 หยวน แต่ต้องจ่ายค่าเดินทางเอง 50,000 หยวน และนายหน้ารับปากว่าจะจ่ายค่าเดินทางขากลับให้
โจเดินทางโดยใช้เส้นทางจากมณฑลกุ้ยโจวมายังมณฑลยูนนาน และผ่านช่องทางธรรมชาติมายังประเทศลาวก่อนข้ามมายังฝั่งไทย
เขาถูกพาตัวผ่านจากชายแดนไทยด้านประเทศลาวโดยรถกระบะ 4 ประตูพร้อมเพื่อนชาวจีนอีก 3 คนวิ่งทะลุไปยังชายแดนไทยด้านตะวันตกใน อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างฉลุยทั้งๆที่มีด่านตรวจอยู่มากมกาย ก่อนที่พวกเขาถูกนำตัวข้ามฝั่งเข้าไปสู่อาคารหลังหนึ่งในเมืองเมียวดี ประเทศพม่า
โจข้อสังเกตว่าตึกหลังที่เขาถูกนำตัวมาไว้นั้น มีลักษณะคล้ายศูนย์กลางขายมนุษย์ มีรั้วกั้นไม่สูงนัก และอาคาร 2 หลังอยู่ในรั้วเดียวกัน มีห้องพักเรียงรายอยู่สองฝั่งประมาณ 10 ห้อง และมีชายฉกรรจ์ 5 คนดูแลควบคุม
“ผมเห็นคน 2 คนถูกซื้อตัวไป ผมได้ข้อมูลว่าทั้งคู่ถูกนำตัวไปทำงานคอมพิวเตอร์ หากไม่สามารถทำได้ก็จะถูกทำร้ายและทรมาน บางคนถูกทำร้ายถึงตาย”โจ บรรยายถึงสภาพความเหี้ยมโหดของฮับค้ามนุษย์ในเมืองเมียวดี
โจถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องๆหนึ่งรวมกัน 5 คน โดยได้อาหารวันละ 1 มื้อเป็นข้าว 1 จานและน้ำ 1 ขวด ในช่วงบ่าย 3 ของวัน
โจอยู่ในฮับค้ามนุษย์นี้ 2 วัน จึงได้หาช่องทางหนี โดยเขากระโดดข้ามกำแพงวิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่า มีเพียงกางที่สวมติดตัวมาตัวเดียว ไม่มีโทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารใดๆ เขาคิดว่าต้องวิ่งขึ้นไปทางเหนือ เพราะประเทศจีนอยู่ตอนเหนือของไทย
จนวันหนึ่งทีมลาดตระเวนของกองกำลังติดอาวุธแห่งหนึ่งได้พบโจในสภาพที่ย่ำแย่ และได้ให้การช่วยเหลือไปไว้ที่ฐานปฎิบัติการริมแม่น้ำเมย และได้มีการประสานไปยังสถานทูตจีนในประเทศไทย
อีก 1 เดือนต่อมาเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนไปรับโจเมื่อเดือนตุลาคม 2567
โจโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังติดอาวุธกลุ่มที่ไม่ได้หากินอยู่กับการค้ามนุษย์ เขาจึงมีโอกาสนำเรื่องราวความโหดร้ายของฮับการค้ามนุษย์ในเมียวดีออกมาถ่ายทอด แม้เขาไม่โชคดีเท่ากับ “ซิง ซิง”ดาราชาวจีนก็ตาม
ทุกวันนี้ยังมีชาวจีนอีกนับหมื่นคน รวมทั้งชาวต่างชาติอีกมากมายที่ยังถูกกักขังและทรมานอยู่ในฮับค้ามนุษย์และแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย
ในแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหยื่อหลายคนถูกฆ่าตายทิ้งลงแม่น้ำเมย เมื่อศพลอยมาติดฝั่งไทยก็แค่ถูกเขี่ยออกไปให้พ้นฝั่ง ขณะที่อีกหลายคนกลายเป็นคนสาบสูญแต่อีกจำนวนมากยังคงทนทุกข์ทรมาน
ภาพพจน์ของไทยไม่อาจสร้างขึ้นได้ด้วยการประชาสัมพันธ์แบบหลอกลวงที่สวนกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น การที่นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกหวาดกลัวจนลังเลที่จะมาเยือนไทยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะข้อเท็จจริงที่เขารับฟังจากซิง ซิง และโจ รวมทั้งคนชาติเดียวกันที่ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายแต่หลุดรอดไปได้ มีความน่าเชื่อถือกว่า
การจัดการกับมาเฟียจีนและขบวนการค้ามนุษย์ รวมทั้งระบบ “ส่วย”ที่ส่งต่อกันเป็นทอดๆในหน่วยงานราชการและนักการเมือวงที่มีอำนาจของไทยต่างหาก ที่จะช่วยพลิกฟื้นความมั่นใจและความน่าเชื่อถือของไทยกลับคืนมาได้
————