เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 ณ ศาลากลางจังหวัดตาก ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก ได้จัดประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการด้านการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ามนุษย์ โดยมีนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นประธานการประชุม และมี พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก-ปลัดจังหวัดตาก พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด , ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 34. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ศูนย์สั่งการชายแดนไทยฯได้เผยแพร่ผลการประชุมโดยระบุว่า สถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านด้านตรงข้ามชายแดนจังหวัดตาก ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการ การแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในห้วงที่ผ่านมากลุ่มบุคคลต่างชาติบางส่วน ใช้ประเทศไทย เป็นทางผ่านในการลักลอบข้ามไปทำงานในพื้นที่ธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ( ข้อมูลจากการช่วยเหลือชาวศรีลังกา เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567จำนวน 32 คน พบว่าเดินมาจากเมืองย่างกุ้ง สหภาพเมียนมา จำนวน 28 คน และเดินทางผ่านประเทศไทย จำนวน 4 คน ) ทำให้ถูกหลอกลวงจากกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ และบังคับให้กระทำความผิดทางอาญา ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา
“ภาพลักษณ์ของพื้นที่ชายแดนเสียหาย ชาวต่างชาติที่เข้ามาในพื้นที่ชายแดนด้าน จ.ตาก บางส่วนตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ และเป็นเครื่องมืออาชญากรรมออนไลน์ ทำลายภาพลักษณ์ของชายแดนด้าน จ.ตาก
ประชาชนได้รับผลกระทบจากกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงออนไลน์ เกิดมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ และได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นวงกว้าง”ศูนย์สังการชายแดนฯระบุ
ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก ระบุว่า ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์ เพื่อเป็นคณะทำงานและร่วมจัดระเบียบข้อมูลข่าวสาร ในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในระดับนโยบาย
และเน้นย้ำให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ ให้กับประชาชน ที่มีที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณแนวชายแดนไทย – เมียนมา ให้ประสาน กับกองกำลังป้องกันชายแดน จนท.ตำรวจ ,ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครองและหน่วยงานราชการในพื้นที่ ร่วมกันให้ข่าวสารป้องกันการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ได้เตรียมการรับการประสาน ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ต่อผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM)
“ศูนย์สั่งการชายแดนไทยฯขอความร่วมมือชาวต่างชาติ หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ชายแดน เพื่อลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน และทุกภาคส่วนในการตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชน เพราะข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้น จะสร้างความแตกตื่น และความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงได้จากการแถลงข่าวของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก”ศูนย์สังการชายแดนฯ ระบุ
ขณะที่ ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าวิธีแก้ปัญหาสแกมเซ็นเตอร์ริมแม่น้ำเมย คือ 1.vision ของรัฐบาล ที่จะนำไปสู่ action plans ไม่ใช่การตั้ง KPI ขึ้นมาลอย ๆ 2. การออกแบบกฎหมาย เพื่อบูรณาการ empower หน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด และทำให้เขาต้องมาทำงานร่วมกัน มีระบบการสื่อสารป้องกันไม่ให้ออฟไซด์กัน มีข้อต่อที่ดี และ “ซิงค์” กันได้ เพื่อเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสแกมเซ็นเตอร์ กับอาชญากรรมข้ามแดน ที่มีลักษณะเฉพาะตัวมาก ๆ 3. หาทางร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อ “ป้องกัน” ไม่ให้เหยื่อค้ามนุษย์ไปแม่สอด หรือจังหวัดชายแดนตั้งแต่แรก 4. ยืดอกพูดว่าเจ้าหน้าที่รัฐคนไทยที่มีส่วนกับเรื่องเหล่านี้ จะจัดการเนื้อร้ายพวกนี้ให้หมดไปอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไทยไม่มีส่วนร่วมสักอย่าง มีหรือคนเหล่านี้จะผ่านด่านตำรวจ ทหาร หลายด่าน จากกรุงเทพไปแม่สอดได้
(อ่านรายละเอียดที่มาและข้อเสนอแนะของ ผศ.ดร.ลลิตา ได้ที่ https://transbordernews.in.th/home/?p=41047 )
………………………….