
พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army- KNLA) แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union- KNU) กล่าวปราศรัยระหว่างการจัดงานวันครบรอบการปฏิวัติกะเหรี่ยงปีที่ 76 ณ ค่ายมาเนอปลอ อดีตศูนย์บัญชาการใหญ่ริมแม่น้ำเมย ฝั่งตรงข้ามบ้านสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ว่า
“ในช่วง 76 ปี ผ่านการบริหารของคน 1 – 2 รุ่นแล้ว เช้านี้เรากลับมาเหยียบผืนดินผืนนี้ ที่เราต้องทิ้งไปเมื่อ 30 ปีก่อน เราต้องเผาอาคาร บ้านเรือน เราแล้วออกจากที่นี่และหลังจากเหตุการณ์ 30 ปีในครั้งนั้น เราต้องไปอยู่ผิดที่ผิดทาง จนในเช้านี้เรากลับมายืนอยู่ ณ ที่นี่ หลังจาก 30 ปี ในปีที่ 76 ของการปฏิวัติ เราได้ทบทวนตัวเอง เห็นจุดอ่อนของตนเอง อนาคตเราจะต้องทำอย่างไรต่อ เราจะเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตเวลานี่เพื่อให้เราไปสู่เป้าหมายเป็นหน้าที่เราทุกคนที่ต้องแก้ไข ทำให้ถูกต้อง

“เราจะมาร่วมกันรับผิดชอบทำหน้าที่ของตนเอง 76 ปีของการปฏิวัติ เพื่ออิสรภาพของแผ่นดิน มีผู้คนมากมายต้องสละชีวิตทั้งหญิง ชาย เยาวชน ผู้สูงอายุ ทหาร ผู้นำ ประชาชน ต้องอุทิศชีวิตไปมากมาย ตอนนี้ภารกิจของเรายังไม่เสร็จ เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ยังมีชีวิตต้องสานต่อ หากเราไม่ทำ ชีวิตที่สละไปแล้วจะเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย ดังนั้นทุกคนที่ยังมีชีวิตเป็นหน้าที่ เราทุกคนที่จะทำภารกิจให้ถึงเป้าหมายของเรา ต้องหนุนเสริมกันและกัน สามัคคีกัน สิ่งที่ไม่ถูกร่วมกันแก้ไข ในความผิดพลาดก็มีสิ่งที่ถูกอยู่ ดังนั้น อย่าเสียใจกับความผิดพลาด เราเห็นว่า ถูกต้อง เราจึงตัดสินใจทำ แต่เมื่อไหร่ที่รู้ว่าผิดก็หยุดทันทีแล้วแก้ไข นี่เป็นวิถีในการพัฒนา
“ในบรรดาผู้นำของเรา ถ้าเรารู้ว่าผิดพลาด เราจะแก้ไขแล้วก้าวไปข้างหน้า การปฏิวัติของเราจะทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้คนอื่นเห็นเส้นทางการปฏิวัติของเราจะได้กลับมาร่วมมือกัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างจะได้เข้ามาร่วมกัน นานาชาติจะได้เข้ามาร่วมกับเรา ประชาชนหรือเยาวชนของเราจะเข้ามาร่วม เป็นหน้าที่ของผู้นำการปฏิวัติทุกคนที่ต้องทำงานอย่างโปร่งใส

“เราจะทำงานร่วมกันบนฐานการให้คุณค่าซึ่งกันและกัน ดังนั้นผมขอขอบคุณทุกโรงเรียน ที่มาร่วมงานในครั้งนี้บนเส้นทางที่มีความลำบาก ภายใต้สถานการณ์ที่มีความเสี่ยง แต่เช้านี้เราได้กลับมาเหยียบผืนดิน มาเนอปลอร่วมกัน ผมให้คุณค่ากับทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่านักเรียน ผู้นำท้องถิ่น รวมถึงประชาชนทุกคน เพราะว่าพวกท่านรักในงานการปฏิวัติ หนทางเดียวที่เราจะทำงานสำเร็จคือสามัคคีกัน
“คุณค่าของชีวิตคือการที่เรายังมีชีวิต ตอนที่เรายังมีชีวิต เราจะทำให้ดีที่สุดตามศักยภาพที่เรามี ขอขอบคุณเพื่อนๆ พันธมิตรทุกคน ไม่ว่าจะเป็น AA, KNPLF และ BPLA ที่เราจะร่วมกันต่อสู้กับเผด็จการทหาร รวมถึงขอบคุณประชาชน เยาวชนของเราทุกคน เรายังมีผู้นำที่ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เพราะแต่ละคนยังมีหน้าที่ของตนเอง เพราะฉะนั้นเราอย่าน้อยใจ เพราะเรามีพี่น้องชาติพันธุ์ที่ร่วมมือกัน รวมถึงพี่น้องชาวพม่า พี่น้อง PDF ที่ร่วมต่อสู้กับเรา ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเรา ดังนั้นการปฏิวัติ เราจะทำไปพร้อมๆกันอย่างสามัคคี และทำให้เสร็จไวที่สุด เพราะงานปฏิวัติเป็นงานของความตาย ความโศกเศร้าเสียใจ ดังนั้นเราต้องทำงานปฏิวัติให้เสร็จโดยเร็ว ด้วยความกล้าหาญและสามัคคี จนเราได้รับอิสรภาพ
“ตอนนี้ยังไม่สายที่เราจะร่วมกันอย่างกล้าหาญและสามัคคี ดูและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ในฐานะผู้นํา รวมถึงทหารทุกคน เราตายเพื่อให้คนมีชีวิต เราเสียสละเพื่อประชาชน เราทำงานเพื่อคนหมู่มาก ผู้นำ ทหารหลายคนสละชีวิต บางคนต้องพิการ พวกเขาอยู่ต่อหน้าเรา ขอยกย่องให้เกียรติพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากเชิดชูคุณค่าของชีวิตคนหนึ่งคน เราไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่าง เราทำคนเดียวไม่ได้ เราต้องสามัคคีกัน
“การปฏิวัติกินเวลา 50-60 ปี ไม่ใช่เพราะศัตรูเราเก่ง แต่เป็นเพราะตัวเราเอง จึงต้องเผชิญกับชะตากรรมของเรา ณ มาเนอปลอมแห่งนี้ นายพล โบเมี๊ยะ เคยกล่าวไว้ เราทำกินบนงานปฏิวัติ เป็นการปฏิวัติเพื่อโกงกิน ในช่วงเวลานั้นมีคนแบบนี้ยังไม่มาก แต่ด้วยเหตุนี้เราต้องสละ มาเนอปลอ

“ณ ปัจจุบันมีคนทำกินบนงานปฏิวัติ เป็นการปฏิวัติเพื่อโกงกินมากขึ้น ผมกล้าพูด ดังนั้นนับจากวันนี้จงทำการปฏิวัติที่โปร่งใส ขอให้คนทำงานปฏิวัติที่แท้จริงเพิ่มขึ้น เราจะใช้ชีวิตอย่างโปร่งใส ให้คุณค่าในตนเอง ให้คุณค่าซึ่งกันและกัน ความผิดพลาด เราแก้ไขให้ถูกต้อง ให้ดีขึ้น เป็นหน้าที่ของทุกคน
“เรามีความหวังในเยาวชนหญิง ชาย ทุกคน เพราะพวกท่านคือผู้นำในอนาคต เป็นกำลังหลักของประชาชน ความเจริญก้าวหน้าในอนาคตอยู่ในมือพวกคุณ เราจะก้าวไปพร้อมๆกันอย่างกล้าหาญ เราจะทำการปฏิวัติให้ไว ตรงไปตรงมา และโปร่งใส ด้วยความสามัคคี เพื่อเราจะได้รับเป้าหมายแห่งอิสรภาพ เราจะไม่ยอมเสียเวลาอีกแล้ว เพราะ การปฏิวัติยิ่งนาน เรายิ่งจน ดังนั้นเราจะต้องทำให้จบโดยไว ร่วมกันอย่างกล้าหาญ สามัคคี นี่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน”