
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 สำนักข่าว SHAN สื่อในรัฐฉาน รายงานว่า กองทัพโกก้าง MNDAA(Myanmar National Democratic Alliance Army) ได้ขายถ่านหินในรัฐฉานให้กับจีนเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละวันมีรถบรรทุกอย่างน้อย 20 คันต่อวันทำการขนส่งถ่านหินจากบริษัทถ่านหินแห่งหนึ่ง ในเมืองสี่ป้อ ทางเหนือของรัฐฉาน ไปยังประเทศจีน โดยชาวบ้านร้องเรียนว่า คนขับรถบรรทุกขนถ่านหินเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านผู้ใช้ถนนเนื่องจากขับรถด้วยความเร็วและเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว
สื่อไทใหญ่สำนักนี้รายงานว่า หลังปฏิบัติการ 1027 กองทัพโกก้าง MNDAA สามารถควบคุมหลายเมืองทางเหนือของรัฐฉานไว้ได้ เช่น เมืองล่าเสี้ยว เมืองแสนหวี เมืองกุ๋นโหลง และเมืองเล้าก์ก่าย (เขตปกครองตนเองของกองทัพโกก้าง) ซึ่งกองทัพโกก้างได้ดำเนินการขนถ่านหิน จากบริษัทหง่วยหยี่ปะเล ตำบลน้ำม้า เมืองสี่ป้ออย่างต่อเนื่อง ส่งไปขายยังชายแดนจีน
ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า มีรถบรรทุกขนาดเท่ารถบรรทุกขนทรายทำการขนถ่านหินตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่หยุดพัก แค่เวลาครึ่งชั่วโมง มีรถขนถ่านหินผ่านหน้าไม่น้อยกว่า 20 คันรถบรรทุก และรถบรรทุกที่มาขนถ่านหินมีป้ายทะเบียนเป็นภาษาจีนและคนขับรถบรรทุกก็ไม่สามารถสื่อสารภาษาพม่าหรือภาษาไทใหญ่ได้ จึงคาดว่า น่าจะเป็นคนขับรถจากประเทศจีน โดยรถบรรทุกขนถ่านหินนี้จะผ่านเมืองล่าเสี้ยวและมุ่งหน้าไปยังเมืองแสนหวี ต่อไปยังเมืองน่ำจะหลาบ น่ำพ่า (เมืองชินส่วนห่อ) ชายแดนเขตปกครองของโกก้างติดประเทศจีน ซึ่งการขนส่งถ่านหินไปยังชายแดนจีนดำเนินการมาตั้งแต่กองทัพโกก้าง เข้ายึดเมืองทางเหนือของรัฐฉาน
ในวันเดียวกัน สำนักข่าว SHAN ยังรายงานคำสัมภาษณ์ของชาวบ้านซึ่งระบุว่า กองทัพโกก้าง ได้เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากชาวบ้านที่รักษาตัวในโรงพยาบาลที่เป็นของประชาชนในเมืองล่าเสี้ยวแพงขึ้น โดยชาวบ้านได้แจ้งกับสื่อว่า ต้องจ่ายค่านอนโรงพยาบาลต่อคืนอยู่ที่ 15,000 จั้ต (ราว 116 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืด) แม้ไม่ได้รับการรักษาใดๆ
ขณะที่ชาวบ้านจากแสนหวีอีกรายกล่าวว่า เขาพาญาติไปถ่ายเอกซเรย์ ค่าเอกซเรย์อยู่ที่ 440,000 จั้ต (ราว 3,427 บาท ) ซึ่งแพงกว่าในอดีต ในตอนแรกกองทัพโกก้างประกาศว่าจะไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลใดๆ จึงได้พาญาติมารักษาตัว แต่กลับต้องจ่ายค่ารักษาแพง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากคนป่วยมีอาการหนักแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกรณีหากชาวบ้านไม่จ่ายเงินก่อนก็จะไม่ได้รับการรักษาอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กองทัพโกก้างได้ขนย้ายอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยส่วนใหญ่ไปไว้ที่โรงพยาบาลในเมืองเล้าก์ก่าย เขตปกครองของโกก้างทำให้ไม่มีศักยภาพในการดูแลรักษาคนไข้ในเมืองล่าเสี้ยวขณะเดียวกันกองทัพโกก้างได้จ้างหมอที่เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน (Civil Disobedience Movement – CDM) มาช่วยรักษาพยาบาลคนไข้ในเมืองแห่งนี้ ซึ่งการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลในเมืองล่าเสี้ยวทำได้เพียง การทำคลอด การรักษาไข้หวัด และการตรวจวินิจฉัยหู คอ จมูกเท่านั้น
ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า ไม่ควรมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล ยิ่งในสถานการณ์ที่ชาวบ้านกำลังลำบากจากสงคราม และไม่มีงานทำ หากคนที่ไม่มีค่ารักษาก็จำเป็นต้องรอความตาย อีกทั้ง เครื่องมือแพทย์เหล่านี้ก็ได้รับบริจาคจากเศรษฐีใจบุญ หรือจากภาษีของประชาชน
“ยิ่งนานวัน กองทัพโกก้างก็ไม่ต่างจากกองทัพพม่า” ชาวบ้านกล่าว
ด้านสำนักข่าว Tai TV Online รายงานว่า กองทัพโกก้าง ยังอนุญาตให้มีการเปิดร้านขายบริการทางเพศอย่างถูกกฎหมายในเมืองล่าเสี้ยว รวมไปถึงอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันที่สามารถพบเห็นไปทั่วทุกเขตในเมืองล่าเสี้ยว สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนในพื้นที่ว่าจะเกิดปัญหาลักเล็กขโมยน้อยและปัญหาด้านสังคมอื่นๆ“หากมองอีกมุมหนึ่ง การเปิดให้ขายบริการทางเพศอย่างถูกกฎหมายและมีการควบคุมก็เป็นเรื่องดี เป็นการยกระดับของอาชีพบริการ และมีการตรวจสุขภาพของผู้ขายบริการทางเพศอย่างสม่ำเสมอ” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว และว่า ผู้ขายบริการทางเพศได้แจกจ่ายแผ่นโฆษณาให้กับผู้คนตามท้องถนน ตนมองว่า นี่อาจเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่เสียคนหรือไม่ เป็นเรื่องน่ากังวลใจ
“หากมองอีกมุมหนึ่ง การเปิดให้ขายบริการทางเพศอย่างถูกกฎหมายและมีการควบคุมก็เป็นเรื่องดี เป็นการยกระดับของอาชีพบริการ และมีการตรวจสุขภาพของผู้ขายบริการทางเพศอย่างสม่ำเสมอ” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว และว่า ผู้ขายบริการทางเพศได้แจกจ่ายแผ่นโฆษณาให้กับผู้คนตามท้องถนน ตนมองว่า นี่อาจเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่เสียคนหรือไม่ เป็นเรื่องน่ากังวลใจ