ตบหน้าตำรวจสภ.วังสะพุงดูแลชาวบ้านไม่ได้ นศ.กลุ่มดาวดินอาสาเฝ้ายามปกป้องชุมชนค้านเหมือง-เลย แกนนำเผยนายทุนเคยเจรจาเสนอเงิน-ถอนฟ้องแต่ไม่เล่นด้วย

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ เลขานุการกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด และหนึ่งในสมาชิกผู้คัดค้านเหมืองทองคำ บ้านนาหนองบง ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ใส่กุญแจมือไว้ตลอดคืนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุความไม่สงบจากกลุ่มชายชุดดำรุมทำร้ายชาวบ้านที่คัดค้านการขนส่งแร่ทองแดงนั้น ขณะนี้ชาวบ้านต้องอยู่อย่างระแวดระวังตัวอย่างมาก 

นายสุรพันธ์กล่าวว่าสถานการณ์ล่าสุดหลังชาวบ้านแจ้งความและออกแถลงการณ์เรียกร้องความเป็นธรรมในพื้นที่ให้สาธารณชนรับทราบแล้ว ทางกลุ่มนักศึกษาดาวดิน และอาสาสมัครในหมู่บ้านได้ทำหน้าที่ช่วยชาวบ้านโดยล้อมพื้นที่ทางเข้า-ออกบริเวณใกล้ๆ “กำแพงใจ” (กำแพงกั้นระหว่างเส้นทางการการคมนาคมของเหมืองทองและชุมชนเพราะเกรงว่าสารเคมีจะเข้าสู่ชุมชน) เพื่อให้กลุ่มชาวบ้านที่ถูกทำร้ายร่างกายได้พักผ่อน เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการระบมจากความฟกช้ำและอาจพักฟื้นราว 10 วันแล้วจะจัดประชุมอีกครั้งว่าจะแบ่งกันเฝ้าสถานที่อย่างไรบ้าง

“ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้วนะ เราขอความช่วยเหลือหลายครั้ง ครั้งนี้ผมเองโดนซ้อม หลายคนก็โดนเหมือนกัน เราอยากมีแรงอธิบายกับสื่อ อยากมีแรงพูดคุยกับหมอ กับตำรวจ แต่เราหมดแรงกันไปเลย มีรายหนึ่งสร้อยคอทองคำก็หาย อีกทั้งอุปกรณ์สร้างกำแพงที่เราลงทุนกันเองก็พังไปด้วย กลุ่มคนพวกนั้นเอาของไปหมด เราไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่ เราไม่มีอะไรเหลือแล้ว จำได้ว่าตอนที่โดนซ้อม เขาก็เจรจาหลายครั้งว่าให้ยอมเปิดทางให้ พอผมปฏิเสธเขาก็ทำร้ายพวกเราอีก แถมขู่เอาชีวิตเมีย ลูกผมด้วย เขาพูดภาษาไทยเลยนะ ผมมั่นใจว่าหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่เหมืองหรือกลุ่มสนับสนุนเหมืองทองด้วย” สุรพันธ์ กล่าว

เลขานุการกลุ่มคนรักบ้านเกิดกล่าวด้วยว่า ตนมั่นใจว่าการกระทำครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่กลุ่มทหารเคยลงพื้นที่บ้านนาหนองบงและมีส่วนได้ส่วนเสียกับการขายแร่ทองแดง โดยแร่ทองแดงมีมูลค่าจำนวนมหาศาลครั้งนั้นมีคนอ้างว่าเป็นลูกน้องนายทหารใหญ่นายหน้ารับซื้อแร่ทองแดง เข้ามาเจรจาบอกว่าให้คุยกับชาวบ้านให้เลิกเคลื่อนไหวต่อต้านพร้อมเสนอเงื่อนไขถอนฟ้องคดีพิพาทกับเหมืองทองกรณีปิดถนนทางเข้าออก ซึ่งชาวบ้านถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายสิบล้านบาท พร้อมเสนอส่วนแบ่งรายได้ให้

“ผมทำไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้เมียซึ่งกำลังท้อง 7 เดือนและลูกอีก 2 คนจะเสี่ยงเพียงใด เขาก็บอกผมว่าให้สู้กับชาวบ้าน ผมไม่อยากให้เลยเป็นจังหวัดต้นๆที่ทำให้ทุนครอบงำทุกอย่าง พวกเราเจอสารพิษมากี่ครั้งแล้ว เจอเรื่องร้ายมาหลายหนแล้ว ความยุติธรรมที่เรียกร้องไปก็ยังเงียบ ผมเชื่อว่าถึงแม้จะรับเงินส่วนแบ่งและบอกชาวบ้านให้เลิกเคลื่อนไหวได้ เขาก็ไม่เก็บเราไว้แน่ๆ ทุกวันนี้สู้ด้วยตัวเองก็ต้องทนสู้ ผมและชาวบ้านมาไกลเกินกว่ากลัวตายแล้ว” นายสุรพันธ์ กล่าว