Search

สารโลหะหนักแพร่เข้าสู่ห่วงโซ่อาหารแล้ว นักวิชาการแนะรัฐเร่งเตือนประชาชน เกษตรอำเภอเชียงแสนเป็นห่วงพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 8 พันไร่เสี่ยงปนเปื้อน-หวั่นกระทบการเลี้ยงปศุสัตว์

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำโขง บ้านสบกก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้มีการจัดเวทีเสวนา“ทวงคืนสายน้ำกกของคนปลายน้ำ”  โดยมีประชาชน นักศึกษา เยาวชนจากลาวและพม่า ผู้นำชุมชน และนักวิชาการ เข้าร่วมประมาณ 60 คน

นายปราณพัฒน์ หาญชัย ปลัดอำเภอเชียงแสน กล่าวว่าแม่น้ำ 5 สายไหลลงแม่น้ำโขง เป็นสายน้ำชีวิตของคนเชียงแสน สถานการณ์การปนเปื้อนที่เกิดขึ้นตอนนี้หน่วยงานท้องถิ่น ภาคราชการ ไม่ได้นิ่งดูดาย และรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย โดยได้ลงตรวจสอบคุณภาพน้ำ สำรวจพื้นที่ใช้น้ำอุปโภคบริโภค ที่สะพานโยนกนาคนครได้สำรวจข้อมูล แต่ต้นทางของมลพิษอยู่อีกประเทศ อำเภอได้พยายามให้ข้อมูลแก่ประชาชนเต็มที่ ข่าวสารข้อมูลที่ได้รับแล้วต้องไม่ตื่นตระหนก

พระอภิชาต รติโก เจ้าอาวาสวัดสบกกและเจ้าคณะตำบลบ้านแซว อ.เชียงแสน กล่าวว่าบ้านสบกกมีน้ำท่วมหลากเป็นประจำ แต่ปีที่ผ่านมาน้ำโขง-น้ำกก หลากท่วมมีสีแดงขุ่นผิดธรรมชาติ ตอนนี้น้ำท่วมที่ค้างในหนองน้ำต่างๆ ในหมู่บ้านก็ยังขุ่น เมื่อวานชาวบ้านได้ปลาแข้ ตัวใหญ่ หนัก 26 กก. ปกติต้องขายได้อย่างน้อย 6,000 บาท แต่กลับขายได้เพียง 2,000 บาท ตอนนี้ปลาน้ำโขงที่จับได้อยู่เต็มกระชัง หาปลาได้แต่ขายได้ยาก ร้านที่เคยมารับซื้อก็ระงับไว้ก่อน บ้านสบกกอยู่ท้ายน้ำ ชาวบ้านปกติรับข้อมูลจากข่าวโทรทัศน์ ข่าวตอนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสื่อโซเชียล ได้ทราบข้อมูลเรื่องการตรวจพบน้ำปนเปื้อนสารพิษก็ได้แจ้งชาวบ้าน ข่าวอาจจะสับสน แต่ตอนนี้ชาวบ้านก็ไม่ได้ใช้แม่น้ำโขงโดยตรงแล้ว เพราะน้ำขุ่น

ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่าการตรวจแม่น้ำกก พบสารหนูทุกจุด รวมทั้งในแม่น้ำโขง ที่ ต.เวียง เชียงแสน ความรู้ข้อมูลข่าวสาร รัฐพยายามควบคุมเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก แต่สร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชน ภาครัฐตรวจล่าช้าใช้เวลานาน แต่มหาวิทยาลัยใช้ชุดสนามตรวจแล้วทราบได้เลยและส่งแล็บซึ่งมาตรฐานเดียวกัน รัฐควรออกมายอมรับว่าการปนเปื้อนสารโลหะหนักในครั้งนี้ ต้องปกป้องประชาชน ไม่ใช่หลีกเลี่ยงข้อเท็จจริง

“รัฐต้องสนับสนุนให้ประชาชนสามารถป้องกันต้นเองเบื้องต้น วันนี้ชาวบ้านมองไม่เห็น สารหนูมันมองไม่เห็น แต่มีความเจ็บป่วยที่จะเกิดในสองลักษณะ คือหากปนเปื้อนจำนวนมากเมื่อสัมผัสผิวหนังจะคัน แสบ แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อาหาร ปลา พืช เราไม่รู้เรากินไปทุกวัน สะสมในร่างกายไปเรื่อยๆ 5-10 ปีแล้วแต่ลักษณะสุขภาพของแต่ละคน เราไม่รู้ว่าความเจ็บป่วยนี้จะเกิดเมื่อไหร่ เมื่อได้รับสารหนูระดับหนึ่งแล้วจะป่วย ความไม่รู้ในการปกป้องตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องสื่อสารให้ชาวบ้านรับรู้”ผศ.เสถียร กล่าว

อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ฯกล่าวว่า การแก้ปัญหามลพิษต้องจัดการที่แหล่งกำเนิด และตอนนี้ตรวจกี่ครั้งก็เจอทุกครั้งเพราะแหล่งกำเนิดมลพิษยังคงอยู่ อีกสิบปีเราอาจไม่ได้นั่งตรงนี้แล้วหากสารหนูยังไหลมาแบบนี้ เราต้องออกมาเพื่อหยุดยั้งแหล่งกำเนิดให้ได้ เช่น กระบวนการเจรจา มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศ นี่ไม่ใช่เรื่องของไทยพม่า แต่เป็นเรื่องนานาชาติ หากไม่หยุดเราก็ต้องเคลื่อนต่อ เราต้องหาวิธีในการหยุด หากหยุดไม่ได้เราก็ต้องอยู่กับความวิตกกังวล ผลกระทบสุขภาพยังเห็นได้ช้า แต่ผลกระทบสังคมเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้ว ปลาจับได้แต่ขายไม่ได้ ปางช้างไม่มีงานไม่มีนักท่องเที่ยว

“วันนี้ต้องหาวิธีจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษ ต้องจัดการระบบนิเวศแม่น้ำ ตรวจทั้งน้ำ ดิน พืช ในระบบนิเวศอาหาร ต้องเป็นข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังและวางแผนจัดการ ชาวนาที่เวียงเชียงรุ้งถามว่าไถนาแล้วจะใช้น้ำชลประทานจากแม่น้ำกกปลูกข้าวได้หรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ ข้าวเป็นพืชที่ดูดซับสารหนูได้ดี” ดร.เสถียรกล่าว

ผศ.ดร.นาวิน พรมใจสา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่าปัญหานี้เป็นปัญหาระดับภูมิภาค ทุกแม่น้ำของเราไหลลงแม่น้ำโขง การแก้ไข การบำบัดน้ำจากสารโลหะหนัก มีวิธีการจัดการได้ทางวิชาการ มมหาวิทยาลัยในเชียงรายทั้งสามแห่งมาช่วยชาวบ้าน เช่น ทำบึงกรองน้ำปลูกพืชซับน้ำ

นางเตือนใจดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย กล่าวว่าตนมาอยู่เชียงรายตั้งแต่ 2517 เป็นบัณฑิตอาสาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชียงรายมีต้นน้ำสมบูรณ์ มีสายน้ำมากมาย แต่ปีที่แล้วกลับเกิดสถานการณ์ใหม่ ที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ต้องขอขอความร่วมมือจากประเทศที่มีประสบการณ์ในการจัดการมลพิษในลักษณะนี้ ฐานของหลักการธุรกิจและสิทธิมนุษยชน การทำเหมืองต้นน้ำกกและน้ำสายในเวลานี้ไม่มีมาตรฐานใดๆ คนเชียงรายกำลังได้รับผลกระทบ ต้องระดมความตระหนักรู้ของทุกฝ่าย

“พรบ.งบประมาณปีนี้มีงบกลางสูงมาก รัฐบาลต้องเอางบส่วนนี้มาลงให้ตรวจในด้านต่างๆ การตรวจร่างกายประชาชน การฟื้นฟูลุ่มน้ำสาขาต่างๆ ที่จะใช้ทดแทนแหล่งน้ำมลพิษแม่น้ำกก นี่เป็นเพียงยกแรก เราต้องแสวงหาความร่วมมือเราจะไม่ถอย เราจะอยู่บนแผ่นดินนี้ให้ได้” อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าว     

ว่าที่ร้อยตรีนพพล คำเขียว นักวิชการจากเกษตรอำเภอเชียงแสน กล่าวว่าที่บ้านสันธาตุใหม่ ต.โยนก มีสถานีสูบน้ำกกไปหล่อเลี้ยงนาข้าวใน ต.โยนก รวม 3,700 ไร่ น่าห่วงมาก เพราะน้ำสูบตรงๆ จากแม่น้ำกกลงนา มีหมู่บ้านปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้ตรานกยูงเงินของกรมหม่อนไหม ซึ่งน่าเป็นห่วงเพราะการปลูกใบหม่อนต้องไม่มีสารเคมีเพราะหนอนไหมจะไม่กิน หรือกินแล้วก็ตาย ที่บ้านสบคำเชียงแสนน้อยเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสำคัญ มะเขือม่วง กระเจี๊ยบเขียว ซึ่งส่งออกไปญี่ปุ่น ตรงนี้น่าห่วง พื้นที่เกษตรรวม 8,215 ไร่ เกษตรมีความสำคัญและน่าเป็นห่วงเรื่องสารตกค้าง ได้ลงไปเก็บตัวอย่างดิน น้ำ พืช ส่งตรวจรอผล เกษตรกรกังวลมากเพราะไม่รู้จะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง เกษตรอำเภอมีงบประมาณไม่มาก แต่ได้ลงพื้นที่ทั้งหมด เราอยู่ปลายทางและเป็นหน่วยงานส่งเสริม ไม่มีโครงการเตรียมป้องกันเหตุที่เกิดขึ้น

ขณะที่ตัวแทนประมงเชียงแสน กล่าวว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ประมงได้เก็บตัวอย่างปลาต้นน้ำที่ฝายเชียงราย กลางน้ำที่แม่จัน และปลายน้ำที่เชียงแสน ได้เก็บที่สะพานวังซาง ขอซื้อส่งไปตรวจเซ็นทรัลแล็บ ผลตรวจพบสารปรอทตกค้างแต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน สารนี้ตกค้างในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งสะสมในร่างกาย ในปลากินเนื้อมีสารปรอทตกค้างมากกว่าปลากินพืช การแสดงพิษไม่เป็นผลเฉียบพลันแต่กังวลระยะยาว ปลาส่วนใหญ่ที่เก็บเป็นปลาแข้ ปลาไน ปลาค้าว ปลากดเหลือง โดยปลาแข้เป็นตุ่มพบปรอท 0.30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และพบสารหนู หากเรางดเว้นไม่บริโภคบ่อยก็น่าจะดี อ.เชียงแสน มีการเลี้ยงปศุสัตว์เยอะ ต้องศึกษาผลกระทบด้านนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ผศ.ดร.เสถียร กล่าวเพิ่มเติมว่าการพบสารโลหะหนักในปลากินเนื้อ แปลว่าเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อาหารแล้ว ปรอทแม้ไม่เกินค่ามาตรฐานแต่จะสะสมในร่างกาย เกิดเหตุการณ์โรคมินามาตะ ที่ญี่ปุ่น ประชาชนกินปลาแล้วเป็นโรคจากพิษปรอท เราดูลำน้ำที่ตรวจ กรมประมงมีประกาศกำหนดแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำต้องไม่เกินค่ามาตรฐาน ที่ทำให้แหล่งอาหารของคนในลุ่มน้ำปนเปื้อน หากไม่จัดการปัญหานี้เราจะไม่สามารถบริโภคปลาเหล่านี้ได้ ต้องมีการตรวจร่างกายประชาชนเพื่อให้ทราบว่า

นายอนุรักษ์ ทองเสรี ว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลบ้านแซว กล่าวว่าฟังแล้วรู้สึกกังวลเพราะมีแผนสูบน้ำขึ้นมาใช้ในการเกษตร ซึ่งหารือกับนักวิชาการแล้วว่าต้องบำบัดก่อนส่งลงสู่พื้นที่เกษตร พื้นที่ทำการเกษตรริมโขง มีการใช้น้ำโขงแบบตรงๆ ขอให้ช่วยกันผลักดันเพื่อให้แก้ปัญหาที่ระดับนโยบาย

นายสง่า พรมเมือง สมาชิกสภาบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) เขตเชียงแสน กล่าวว่าเรื่องนี้ผลกระทบได้รับกันถ้วนหน้า เป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก ทั้งน้ำ อาหาร ฝ่ายบริหารได้คุยกันว่าเบื้องต้นอยากให้หมู่บ้านแจ้งปัญหายื่นโครงการไปที่ อบจ. ว่าจะใช้น้ำใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาไปก่อน สำหรับชุดตรวจสารพิษก็เป็นเรื่องที่จะนำไปหารือ 

นายภาณุวัฒน์ ศรีสุข (พ่อหลวงแดง) อดีตผู้ใหญ่บ้านในอ.เชียงแสน กล่าวว่าได้ไปร่วมหลายเวที วันนี้ได้มาฟังหน่วยงานรัฐที่สื่ออกมาไม่ตรงกับข้อมูลของนักวิชาการและภาคประชาชน ที่พยายามให้ประชาชนตระหนักและส่งเสียงไปยังภาครัฐ ในระดับประเทศบอกว่าเป็นเรื่องนอกประเทศ แต่เป็นปัญหาของทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ทางอำเภอเชียงแสนจะจัดงานคู่ขนานไปด้วย จะแสดงพลังชาวเชียงแสน ให้มาร่วมกันเรียกร้องการแก้ปัญหาเพื่อให้ประชาชนชาวเชียงแสนได้ตระหนักมากขึ้น

On Key

Related Posts