Search

5 มิย.จัดกิจกรรมรวมพลัง 3 จุดใหญ่ ท่าตอน-เมืองเชียงราย-เชียงแสน ระดมพลหยุดเหมืองแร่ต้นน้ำกก-สาย ชาวบ้านโกรธนายกฯ เข้าใจผิดบอกว่าแม่น้ำกกดีขึ้นแล้วสวนทางความจริง

เมื่อวันที่ 3 มิถุนาย 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคประชาชนในลุ่มน้ำโขงและลุ่มน้ำสายต่างเตรียมตัวกันอย่างคึกคักในการจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อต้องการให้รัฐบาลไทยหาวิธีการหยุดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐฉาน ประเทศพม่าภายใต้เขตอิทธิพลของกองกำลังว้า UWSA (United Wa State Army)ที่สนับสนุนนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาดำเนินการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทและเหมืองทองคำ ทั้งนี้จะมีการจัดกิจกรรมใหญ่ใน 3 พื้นที่ คือบริเวณสะพานแม่น้ำกกบ้านท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง อ.เมือง จ.เชียงราย และบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

ทั้งนี้ตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภายในจังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมงานในวันที่ 5 มิถุนายน อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดเวทีให้ความรู้ที่บริเวณสวนตุงในช่วงเย็นวันเสาร์ที่มีถนนคนเดิน และการจัดรถเคลื่อนที่ชักชวนประชาชนมาร่วมงาน นอกจากนี้ยังได้มีการรณรงค์ทางสื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ

นายประเสริฐ กายทวน ชาวบ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันที่ 5 มิถุนายน ชาวท่าตอนจะจัดงานในช่วงบ่าย โดยเวลา 13.00 น.จะมารวมตัวกันที่บริเวณสะพานแม่น้ำกกบ้านท่าตอน โดยเปิดช่องจราจรไว้เพียงช่องทางเดียว ซึ่งคาดว่าจะมีชาวบ้านและนักเรียนราว 3,000 คนมาร่วมงาน ซึ่งขณะทางชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้ประสานไปแล้วทั้ง 15 หมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านจากพื้นที่อื่นด้วย

นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้มีนักวิชาการทั้งจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยพะเยา แจ้งว่าจะมาร่วมงาน ซึ่งภายหลังจากการอ่านแถลงการณ์ “เซฟแม่น้ำกก”แล้ว จะเชิญ ผวจ.เชียงใหม่หรือตัวแทนขึ้นเวทีเพื่อรับหนังสือ หลังจากนั้นจะมีการประกอบพิธีกรรมสงเคราะห์แม่น้ำกก หรือการลอยเคราะห์แม่น้ำกก โดยคณะสงฆ์แม่อาย จากนั้นจะมีธรรมะโอวาทโดยพระครูวิธารธรรมโสภณ เจ้าคณะอำเภอแม่อาย

“ที่เราต้องการแสดงพลังครั้งนี้เพราะอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบเห็นถึงความลำบากของชาวบ้าน เพราะมีผู้ใหญ่บ้างคนมักพูดว่าชาวท่าตอนไม่ค่อยเดือดร้อนอะไร ทั้งๆที่เราพยายามตะโกนบอกอยู่ตลอดเวลาถึงความเดือดร้อน แสดงว่าเขาไม่ได้ยินที่พวกเราพยายามบอกเลย เราจึงหวังว่าวันที่ 5 มิถุนายน เขาจะได้เข้าใจสถานการณ์ของพวกเรา อยากให้คนที่มีอำนาจรับทราบและเร่งให้มีการปิดเหมือง หรือหากทำไม่ได้ก็ขอให้หยุดไว้ก่อน เมื่อวานชาวบ้านมาประชุมกัน ต่างก็รู้สึกเป็นห่วงที่นายกัฐมนตรีบอกว่าแม่น้ำกกดีขึ้นแล้ว ชาวบ้านรู้สึกโกรธมากเพราะในความเป็นจริง แม่น้ำกกมีสารโลหะหนักเพิ่มขึ้นทุกวัน ผลการตรวจวัดของหน่วยงานราชการก็ออกมาชัดเจน แต่นายกฯกลับบอกว่าดีขึ้น ยิ่งพูดเช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านยิ่งต้องมารวมตัวกันในวันที่ 5 มิถุนายน มากขึ้น การให้ข่าวของผู้บริหารประเทศควรระมัดระวัง”นายประเสริฐ กล่าว

ด้านนางรักษ์ดาว พริทชาร์ด สมาชิกเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง กล่าวว่าได้เตรียมรณรงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนให้ยุติเหมืองทันที และฟื้นฟูแม่น้ำ โดยจะรวมตัวที่สวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง เชิงสะพานแม่น้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย ตั้งแต่เวลา 8.00 น. โดยมีกิจกรรมร่วมลงชื่อ การเขียนโปสการ์ดถึงนายกรัฐมนตรี การแสดงดนตรีและกิจกรรมของศิลปินเชียงราย มีเวทีเสียงคนเชียงราย และพิธีกรรมพุทธศาสนาและพิธีกรรมของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปบนสะพานเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีจีน รวมทั้งฝากไปถึงรัฐบาลพม่าและกองกำลังว้า โดยจะมีการทิ้งป้ายผ้าขนาดใหญ่บนสะพานที่เขียนข้อความให้หยุดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ และกการโปรยดอกไม้ และผูกริบบินเขียวฟ้า

ด้านนายภาณุวัฒน์ ศรีสุข อดีตผู้ใหญ่บ้านจอมกิตติ ต.เวียง อ.เชียงแสน และสมาชิกประชาชนคนรักษ์เชียงแสน กล่าวว่า จะมีการจัดกิจกรรมขึ้นที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสนตั้งแต่เวลา 13.00 น.ไปจนถึง 15.00 น. โดยจะมีชาวบ้านและนักเรียนมากกว่า 500 คนเข้าร่วมรณรงค์ของให้หยุดเหมืองแร่ที่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมีกิจกรรมต่างๆ ทั้งการแจกริบบิ้นสีเขียวฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์การปกป้องแม่น้ำ มีการระบายสีปลาแข้ และมีการอ่านแถลงการณ์ ก่อนที่จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีโดยผ่านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.พรรคเพื่อไทย และรองประธานสภาผู้แทนฯ

“ที่เราต้องแสดงพลังเพราะรุ้สึกห่วงเพราะทั้งในระยะสั้นและระยาว ชาวเชียงแสนต่างได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำสายและแม่น้ำโขง ทุกวันนี้ชาวเชียงแสนเหมือนถูกสารโลหะหนักล้อมไว้หมด เราเป็นพื้นที่ปลายน้ำ เมื่อแม่น้ำรวก แม่น้ำกกไหลลงแม่น้ำโขง ตะกอนดินถูกบีบให้เลาะตลิ่ง ทำให้สารโลหะหนักเข้มข้น ตอนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการปลูกพืชผักต่างๆ แม้แต่ปลาในแม่น้ำโขงก็ไม่มีใครกล้ากินแล้ว การแก้ปัญหาคือต้องหยุดเหมืองอย่างเดียว”นายภาณุวัฒน์ กล่าว

———