เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ภายหลังจากเกิดอุทกภัยใน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาประกอบกับฝนที่ตกหนักแทบทุกวัน ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำกกและแม่น้ำสายต่างรู้สึกหวั่นวิตกว่า หากเกิดฝนตกหนักบริเวณต้นแม่น้ำในเขตรัฐฉานและเกิดน้ำท่วมใหญ่-ดินโคลนทะลักเหมือนเดือนกันยายน 2567 จะต้องรับมืออย่างไร เพราะเชื่อว่ามีสารโลหะหนักคือสารหนู ตะกั่วและแมงกานีสปนเปื้อนมากับน้ำด้วย
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ(สคพ.)ที่ 1 เชียงใหม่ โดยนายอาวีระอธิบายว่า ข้อปฏิบัติคือพยายามไม่สัมผัสน้ำโดยตรง หากมีความจำเป็นต้องลงไปในน้ำก็ต้องรีบขึ้นมาชำละล้างด้วยน้ำสะอาดโดยเร็ว กรณีที่มีบาดแผล หรือกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก คนแก่ ต้องหลีกเลี่ยง หรือหากสัมผัสก็ต้องทำความสะอาดโดยเร็ว เท่าที่ตนได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย คือมีแผนแบบนี้ หากไม่มีเหตุจำเป็นอย่าลงไป ถ้าเป็นไปได้ควรมีชุดป้องกัน เช่น ชุดหมี แต่มีราคาแพงซึ่งยากสำหรับชาวบ้าน และควรยกทางเดินขึ้นสูง
นายอาวีระกล่าวว่า สำหรับสารโลหะหนักทั้ง 3 ชนิดนั้น ในส่วนของสารหนูเป็นอันตรายเพราะสามารถซึมเข้าสู่บาดแผลได้ แต่ขึ้นอยู่กับสภาวะน้ำที่มีความเป็นกรดแค่ไหน หากมีความเป็นด่างมาก ก็จะตกตะกอนเร็วและไปอยู่ในตะกอน จริงๆแล้วสารหนู ต้องสัมผัสต่อเนื่องเป็นเดือนจึงจะเกิดอาการระคายเคือง หากเวลาผ่านหลายปีสีผิวจะเปลี่ยน เช่น กรณีไข้ดำ ที่เหมืองใน จ.นครศรีธรรมราช ส่วนแมงกานีสนั้น อันตรายทางการกิน ขณะที่ตะกั่วอันตรายจากการสูดดมและมีขนาดโมเลกุลโต
ผู้สื่อข่าวถามว่าพืชผักที่ถูกน้ำท่วมจะรับประทานได้หรือไม่ ผู้อำนวยการ สคพ.ที่ 1 กล่าวว่า พืชผักแต่ละชนิดระบบดูดซึมไม่เหมือนกัน ต้องดูเป็นอย่างๆไป สำหรับพืชผัก ต้องล้างให้ตามหลักสุขาภิบาลอาหาร ขณะที่ปลาที่เจอเป็นแผลก็ควรหลีกเลี่ยงและงดบริโภค
เมื่อถามอีกว่าโคลนที่มากับน้ำจะต้องระมัดระวังในเรื่องสารพิษหรือไม่ นายอาวีระกล่าวว่า ก็ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง การล้างโคลนตามพื้นบ้านควรสวมรองเท้า และหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า ที่สำคัญคือต้องไม่มีบาดแผล หากดินโคลนนั้นมีโลหะหนัก ถ้ามีปริมาณไม่มากก็สามารถอยู่อาศัยได้ แต่ถ้ามีมากก็ต้องนำไปกำจัด
ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน -กรกฎาคม 2568 คณะของสมาคมสัตวแพทย์สัตว์น้ำไทย นำโดย รศ.นสพ.ดร. จิรศักดิ์ ตั้งตรงไพโรจน์ และรศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงพื้นที่แม่น้ำกกที่ อ.เมืองและ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อทำการศึกษาและเก็บตัวอย่างปลา สัตว์หน้าดิน น้ำและตะกอนดิน
รศ.สพ.ญ.ดร. นันทริกาเปิดเผยว่า สมาคมฯได้รับแจ้งให้มาช่วยศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้มีความสับสนว่าข้อมูลยังไม่ชัดเจน เมื่อเกิดมลพิษต้องแบ่งเป็นแบบเฉียบพลันและระยะยาว ปลาที่เห็นและเก็บตัวอย่างที่มีลักษณะตุ่ม พบว่าเป็นพยาธิใบไม้ โดยได้ส่งให้สถาบันสุขภาพสัตว์ของกรมปศุสัตว์จำแนก ซึ่งน่าจะเป็นธรรมชาติของปลาได้ แต่ว่าจะเกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันล้มเหลวหรืออ่อนลงหรือไม่ ต้องรอผลแล็บ
รศ.สพ.ญ.ดร. นันทริกากล่าวว่า ได้ตรวจสัตว์ (ปลา) ที่ยังมีชีวิต เจาะเลือดไปตรวจองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการได้รับสารพิษ ค่าตับไต หากได้รับสารพิษจะสามารถบอกได้ส่วนหนึ่ง และดูสุขภาพของปลา นำอวัยวะภายในของปลามาวิเคราะห์ ซึ่งการบริโภคปลาส่วนมากชาวบ้านจะกินเนื้อ แต่ก็มีที่กินอวัยวะภายในด้วย นำแยกวิเคราะห์ว่ามีโลหะหนักอยู่ในอวัยวะใดมากน้อยแค่ไหน เช่น หากปลาได้รับสารโลหะหนักในปริมาณมากจริงก็อาจไปเจอที่ตับมากกว่าในกล้ามเนื้อ เชื่อว่าหากแหล่งต้นเกิดเนิดสารพิษยังปล่อยมาเรื่อยๆ ก็มีโอกาสพบได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า แม่น้ำกกมีความยาวกว่า 185 กม.และกว้างพอสมควร วิธีการตรวจสารพิษในสัตว์น้ำควรดำเนินการอย่างไร รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา กล่าวว่า “point source”(แหล่งกำเนิดมลพิษที่แน่นอน) ที่กำหนดว่าแหล่งที่มาของสารพิษอยู่ที่ใดก็ควรตรวจที่ใกล้ที่สุดก่อน ปัญหานี้คือเกิดในประเทศเพื่อนบ้าน อาจต้องใช้ความร่วมมือหลายฝ่าย มิใช่แค่นักวิทยาศาสตร์
“อยากเรียนกร้องให้ทางจังหวัดหรือรัฐบาล นำนักวิชาการทุกสาขามาคุยกัน ใครมีความเห็นอย่างไร เอาหลักวิชาการมาว่ากัน ใครจะช่วยได้อย่างไรบ้าง ขณะนี้สิ่งที่ประชาชนเผชิญคือความไม่ชัดเจน เช่น ปลาตรวจแล้วพบว่ามีสารโลหะหนักปริมาณน้อย ไม่เกินมาตรฐาน แต่หากชาวบ้านกินปลาเป็นประจำ กินเป็นสิบตัวก็เป็นอันตรายได้ เพราะโลหะหนักเป็นสารสะสมในร่างกาย” รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา กล่าว
รศ.สพ.ญ.ดร. นันทริกากล่าวว่า แม้พบว่ามีการปนเปื้อนในปริมาณน้อย แต่หากรับในระยะยาวจะมีผลอย่างไร วันนี้ยังไม่มาก แต่แค่ไหนที่ต้องระวัง ต้องตรวจเป็นระยะบ่อยแค่ไหน สำหรับคนที่คิดว่าตนเองความเสี่ยงสูงจะป้องกันอย่างไร
“ในเวลานี้เรารู้ว่าสิ่งนี่เกิดขึ้นแล้ว มีมลพิษแล้ว เราไม่ต้องรอให้มีประชาชนเป็นอะไรขึ้นก่อนแล้วค่อยทำ ตอนนี้เราสามารถป้องกันได้เลย ยังมีเวลาหารือวางแผนกัน อย่าปล่อยจนเกิดผลต่อมนุษย์เหมือนที่คลิตี้ จ.กาญจนบุรี ขณะนี้เราแค่พูดเรื่องการปนเปื้อนโลหะหนัก แต่กรณีนี้มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ทด้วย ซึ่งมีกัมมันตรังสี จึงต้องระมัดระวังมากขึ้น จริงๆแล้วเราสามารถทำเป็น protocol(หลักปฎิบัติ) สำหรับใช้ที่อื่นๆ ในประเทศไทยได้เลยว่าเกิดแล้ว เราจะต้องทำอย่างไร” รศ.สพ.ญ.ดร. นันทริกา กล่าว
ขณะที่ ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้โพสต์ข้อความตั้งคำถามถึง
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 นายประเสริฐ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ที่จังหวัดเชียงราย และยืนยันว่าจะเป็นหัวหน้าคณะเจรจากับประเทศเมียนมา แต่ก็เงียบหายไป 33 วันจากการแก้ปัญหาแม่น้ำกก สาย รวก โขง ปนเปื้อนสารพิษจากเหมืองในประเทศเมียนมา
ดร.สืบสกุลระบุว่า ในวันนี้ นายประเสริฐ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ กรมชลประทาน คำถามคือ 1.นายประเสริฐยังดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดินอยู่หรือไม่ 2. คณะอนุกรรมการฯ มีแผนการแก้ไขปัญหาแม่น้ำที่ปนเปื้อนสารพิษอย่างไร 3.ยังยืนยันเป็นหัวหน้าคณะทำงานเจรจากับเมียนมาหรือไม่ และมีแผนการเจรจากับประเทศเมียนมและจีนอย่างไร
“ท่านทราบหรือไม่ว่า ไม่กี่วันมานี้กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงว่าจะส่งที่ปรึกษารัฐมนตรีพร้อมคณะผู้เชี่ยวชาญไปประชุมที่ประเทศเมียนมา ผมหวังว่าภายหลังจากท่านเงียบไปเป็นเวลา 33 วัน ท่านคงมีความคืบหน้ามาแจ้งให้ประชาชนรับทราบในเรื่องการแก้ไขปัญหานี้”ดร.สืบสกุล ระบุ