วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดงบประมาณความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนทำให้องค์กรสาธารณกุศลคือ TBC (The Border Consortium) และ IRC (International Rescue Committee) ที่ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว 9 แห่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า ต้องยุติความช่วยเหลือในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ส่งผลในเรื่องของอาหาร ที่อยู่อาศัยและสุขภาพ ของผู้ลี้ภัยราว 100,000 คน ว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบ 70 % ของคนพื้นที่พักพิงทั้งหมด แต่จะมีบางส่วนที่เป็นครอบครัวเปราะบาง ที่จะยังได้รับการช่วยเหลือทางด้านอาหาร ทำให้รัฐบาลไทยต้องคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะอาจจะมีชาวบ้านประมาณ 1.3 แสนคน ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นหลังการรัฐประหารในเมียนมาตั้งแต่ปี 2564
ผศ.ดร.ลลิตา กล่าวว่า ข้อเสนอให้สิทธิการทำงานกับผู้ลี้ภัย เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างผู้หนีภัยการสู้รบหรือผู้ลี้ภัย ไม่มีเอกสารเหมือนแรงงานทั่วไป และในพื้นที่พักพิงชั่วคราวจะมีกฏและหลักการที่ไม่สามารถให้ผู้ลี้ภัยทำงานได้ และหากผู้ลี้ภัยที่ย้ายไปประเทศที่ 3 บ้านก็ต้องถูกทำลายทิ้ง แต่ก็มีเติมเข้าเรื่อยๆ เพราะมีการมาสวมสิทธิ์ เป็นเศรษฐกิจอย่างหนึ่งในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ซึ่งอยู่มา 40 ปีแล้ว ถ้าไม่มีมาตรการแก้ไขอย่างจริงจัง ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต
“ข้อเสนอแนะให้ผู้ลี้ภัยทำงานได้ ถือว่าเป็นแนวทางการแก้ไขอย่างยั่งยืน ตามหลักการ integration อาจเป็นใบอนุญาตทำงานได้ อาจไม่ใช่เต็มเวลา หรือทำงานในพื้นที่การเกษตรโดยรอบที่ต้องการแรงงานที่อยู่ในค่าย เพราะต้องยอมรับว่าคนเหล่านี้ออกมาทำงานนอกค่ายอยู่แล้ว”
ผศ.ดร.ลลิตา กล่าว่า การแก้ปัญหานี้ต้องปลดล็อกแนวคิดของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)จะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมารัฐไทยไม่ยอมรับการมีอยู่ของผูลี้ภัย ซึ่งศูนย์พักพิงก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมา คน ภายนอกก็ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไป ต้องปลดล็อกตรงนี้ก่อน ซึ่งทราบว่าฝ่ายความมั่นคงก็เริ่มขยับตัวเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนแล้ว
รศ.ดร.นฤมล ทับจุมพล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา IRC ที่ดูแลสุขภาพได้ต่อรองที่จะดูแลให้คนที่จะเสียชีวิตให้ได้รักษาพยาบาล จึงต้องติดตามว่าโรงพยาบาลในค่ายยังมีอยู่ต่อไปหรือไม่ ส่วนอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ทาง TBC จะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ดังนั้นหลังตัดงบประมาณจะมีคนในค่ายที่ไม่มีอาหาร จึงต้องคุยกันว่ารัฐบาลไทยจะแก้ปัญหาอย่างไร จะให้สิทธิผู้ลี้ภัยได้ทำงานนอกค่ายได้หรือไม่
“ถ้าถามผู้บัญชาการค่าย จะเห็นว่าวิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ต่างเห็นด้วยที่จะให้ผู้ลี้ภัยได้ทำงาน เช่นการทำงานนอกค่าย หรือรับมาทำในค่ายหรือทำงานตามฤดูกาล อาจทำเช้า-เย็นกลับ อยู่ที่รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิด หรือปลดล็อค เช่นที่ผู้ลี้ภัยไม่มีสิทธิทำงานนอกค่ายหรือไม่มีสิทธิมีงานทำ ต้องคุยถึงสิทธิที่จะทำงาน ให้ใช้แคมป์เป็นที่อยู่ มาคุยกันว่างานชนิดไหนทำได้ ชนิดไหนทำไม่ได้ ช่วงเกษตรบูมก็ให้ออกไปทำงานข้างนอกมี camp pass อย่างที่เคยทำ ต้องคิดเป็นระบบ เมื่อเขามีรายได้ก็จะแก้เรื่องอาหารได้”รศ.ดร.นฤมล กล่าว
รศ.ดร.นฤมล กล่าวว่าเคยมีการเสนอ Pilot project ช่วงปี 2012 สามารถนำมาเป็นโมเดลในการจัดการปัญหาได้ โดยสามารถทำโมเดลแต่ละค่าย สำรวจสภาพเศรษฐกิจ ความต้องการภาคธุรกิจว่าต้องการแรงงานประเภทไหน เพื่อให้สอดคล้องกับแรงงานในค่ายผู้ลี้ภัย เช่น ค่ายถ้ำหิน ราชบุรี พื้นที่โดยรอบมีรีสอร์ทมากจะเหมาะกับแรงงานประเทศไหน ซึ่งในค่ายผู้ลี้ภัยเก่งภาษาอังกฤษ จะได้จัดหางานให้ตรงกับความต้องการทางเศรษฐกิจ