เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม นำสื่อมวลชนจากส่วนกลางทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์และสื่ออนนไลน์กว่า 10 คน ลงพื้นที่ชุมชนเขาหลวง เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากการทำเหมืองแร่ทองคำ โดยชาวบ้านได้พาสื่อมวลชนไปสำรวจื้นที่ภูซำป่าบอน และภูทับฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ขุดเจาะเหมืองและพื้นที่รอบๆโรงงานถลุงแร่ นางพรทิพย์ หงชัย ชาวบ้านนาหนองบงซึ่งได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง กล่าวว่า ภูซำป่าบอนคือตัวอย่างของความล้มเหลวหลังจากเกิดเหมืองทองคำยุติการดำเนินงาน โดยในฤดูฝนทุกๆปีเกิดปัญหาดินสไลด์และถนนทรุด บางครั้งรถยนต์และรถกระบะธรรมดาไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่ต้นไม้ต่างๆ เช่น ต้นกล้วย ไผ่เลี้ยง ต้นลีลาวดี ที่เหมืองทองพยายามปลูกโดยใช้ชื่อว่า การฟื้นฟูภูซำป่าบอนนั้นไม่สามารถทำได้จริงทั้งๆที่เป็นเงื่อนไขในกฎหมายที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการหลังขุดเจาะเอาแร่ไปแล้ว แต่ปัจจุบันต้นไม้ที่ทางเหมืองปลูกไว้แคระแกน ยืนต้นเตี้ยซ้ำยังไม่เติบโตแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี
“หากฝนตกหนักๆ ฝนมันชุ่มหน้าดินนั้น กลิ่นพื้นที่นี้จะทำให้แสบจมูกมากๆ จะไม่สามารถยืนอยู่ได้นานๆ สิ่งที่ชาวบ้านกลัวคือ หากพายุเข้าพื้นที่จ.เลย ภูซำป่าบอนจะสร้างภัยพิบัติในพื้นที่ได้ เช่น เกิดดินถล่มทับสวนยาง ไร่ นา ซึ่งหากอนาคตเป็นอย่างนั้น ถามหน่อยว่าใครจะมารับผิดชอบ เพราะงั้นเราเลยต้องต่อต้านการสัมปทานภูเหล็กซึ่งเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เขาขอประทานบัตร และให้ยุติการดำเนินการในภูทับฟ้า รวมทั้งการสัมปทานเหมืองทองทุกที่ในจังหวัดเลยซึ่งมีอยู่กว่า 31,000 ไร่ เพราะคนเลยไม่อยากสูญเสียทรัพยากรอีก ถึงได้สู้มาจนถึงทุกวันนี้” นางพรทิพย์ กล่าว
ขณะที่นางมล คุณนา กล่าวในระหว่างการลงพื้นที่ร่องห้วยเหล็กซึ่งได้รับผลกระทบจากการขุดแร่บริเวณภูทับฟ้า โดยร่องห้วยเหล็กอยู่ติดกับสันเขื่อนกักเก็บกากแร่ปนเปื้อนไซยาไนด์ ว่า ร่องน้ำดังกล่าวเคยสวย ใส และมีบอน มีผักป่า ผักกูด เกิดขึ้น เป็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าในภูเหล็กและภูทับฟ้า แต่ ปัจจุบันนั้นกลายเป็นสีสนิม ผักในห้วยดังกล่าวไม่สามารบริโภคได้ ส่วนน้ำในลำห้วยก็ไม่สามารถบริโภคได้
“บ่อเก็บแร่มีทั้งหมด 300 ไร่ แต่ละบ่อมีความกว้าง 93 ไร่ บริษัทไม่ได้นำพลาสติกมาวางรองก้นบ่อ แต่วางแค่ผนังบ่อเท่านั้น ปัญหาคือ บ่อกักแร่ดังกล่าวเป็นการสร้างทับพื้นที่น้ำซึมน้ำซับ ทำให้น้ำจะซึมลงดินไหลไปทั่วบริเวณใกล้ๆ เมื่อร่องห้วยเหล็กนั้นอยยู่ติดบ่อก็ย่อมได้รับสารพิษเช่นกัน ทุกอย่างในห้วยจึงเริ่มกลายเป็นเหมือนภูซำป่าบอน” นางมล กล่าว
นายเลียง พรหมโสภา ชาวบ้านภูทับฟ้ากล่าวว่า เดิมทีตนเคยทำนาได้ข้าวปีละ 40-50 กระสอบในพื้นที่ 12 ไร่ แต่หลังจากมีการทำเหมืองแร่และมีสารพิษไหลลงมาตามร่องห้วยเหล็ก ทำให้ทำน่าแทบไม่ได้โดยเมื่อปีที่แล้วได้ข้าวแค่ 9 กระสอบ โดยเมื่อปลูกข้าวแล้ว แทนที่ต้นข้าวจะเติบใหญ่กลับค่อยๆแห้งเหี่ยวและตายในที่สุด ดังนั้นในปีนี้จึงไม่ทำนาอีกแล้ว
“เมื่อก่อนน้ำในร่องห้วยเหล็กเคยใสสะอาด มีปลามากมายให้จับ ถึงหน้าแล้งเดือน 4 เดือน 5 น้ำก็แห้ง แต่เดี๋ยวนี้น้ำกลายเป็นสีเหล็กเน่าเหม็น และมีน้ำผุดออกมาทั้งปี ไม่มีใครกล้าหาปลากินอีกแล้ว แม้แต่ผักหญ้าต่างๆที่เคยกินได้ก็กินไม่ได้อีกต่อไป”นายเลียงกล่าว
////////////////////////////////
หมายเหตุ-ในภาพเป็นสภาพน้ำสีคล้ำเป็นสีสนิมปนเปื้อนสารพิษซึ่งสารณะสุขจังหวัดได้ประกาศห้ามใช้อุปโภคบริโภค หรือกินหอยและพืชผักที่ขึ้นในแหล่งน้ำนี้