เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่กองบัญชาการกองพลน้อยที่ 7 ตรงข้ามกับ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก กองกำลังปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง(Karen National Liberation Army–KNLA) แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(Karen National Union-KNU) ได้มีพิธีเผาทำลายยาเสพติดโดยการเผายาบ้า จำนวน 6,117,900 เม็ด ซึ่งมีพลจัตวาดีแคว ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 7 ,นายอ่อง หม่อง เอ ผู้ว่าราชการเขตพะอันของ KNU ,พ.ต.ท.หม่องจี่ หัวหน้าตำรวจเขตพะอัน KNU ร่วมเป็นประธาน โดยมีผู้แทนหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย อาทิ หน่วยเฉพาะกินกรมทหารราบราชมนู(ฉก.ราชมนู) กรมทหารพรานที่ 35 หน่วยป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ชุดปฎิบัติการข่าวหน่วยรบพิเศษ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) และสื่อมวลชนไทย-กะเหรี่ยง ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอ่อง หม่อง เอ ผู้ว่าราชการเขตพะอันกล่าวรายงานว่า KNU ต่อต้านสิ่งผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติดซึ่งขยายตัวออกมาจากหัวเมืองชั้นในของพม่า และเราได้ปราบปรามจับกุมมาโดยตลอดครั้งละ 100-200 เม็ดบ้าง แต่เมื่อเดือนเมษายน 2568 จับได้ชุดใหญ่ 5.99 ล้านเม็ด และก่อนหน้านั้นจับได้ 1.2 แสนเม็ด โดยมีผู้สงสัยว่ายาเสพติดทั้งหมด KNU เอาไปขายต่อหรือไม่ ดังนั้นในวันนี้จึงนำมาเผาทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นยาเสพติดจริงหรือไม่ จึงเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายสามารถตรวจพิสูจน์ได้เลย
“ยาเสพติดล๊อตใหญ่ที่เราจับได้ 5.99 ล้านเม็ดนั้นล่องมาจากแม่น้ำสาละวินชายแดนรัฐคะเรนนีโดยอ้างว่าเป็นการขนดินปืน แต่เมื่อเราสอบถามไปที่ต้นทางแล้วไม่พบว่ามีการจัดส่งดินปืน เมื่อตรวจค้นจึงพบว่าเป็นยาบ้า ซึ่งถือว่าเป็นล๊อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ โดยจับผู้ที่ขนซึ่งเขาบอกไม่รู้เรื่องยาเสพติด ผมคิดว่าถ้ายาชุดนี้หลุดเข้าไปได้จะทำลายเยาวชนกะเหรี่ยงอีกจำนวนมาก และเข้าไปสู่ประเทศไทย”นายอ่อง หม่อง เอ กล่าว
พ.ต.ท.หม่องจี่ หัวหน้าตำรวจเขตพะอัน กล่าวว่า เคยจับยาเสพติดได้หลายครั้ง แต่ไม่เคยจับได้เยอะเท่าครั้งนี้มาก่อน โดยภายหลังจากที่ศาลพิจารณาคดีสิ้นสุดแล้วก็นำยาเสพติดมาเผาโดยครั้งนี้รวมทั้งหมดมีด้วยกัน 6,117,900 เม็ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการเผา ทหาร KNLAได้เปิดห่อยาบ้าให้สื่อมวลชนและผู้แทนหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยดู เป็นที่น่าสังเกตว่ายาบ้าบางห่อมีเครื่องหมาย WY และข้างห่อบรรจุภัณฑ์มีสติกเกอร์สีทองเขียนอักษรภาษาไทยว่า “37 บริษัทจำกัด” นอกจากนี้ยังมีอักษรภาษาจีนและอังกฤษด้วย
พ.ต.ท.หม่องจีให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า จริงๆแล้ว KNU รู้ว่าแหล่งผลิตยาเสพติดมาจากพื้นที่ใด แต่สิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้คือการประสานกับเจ้าหน้าที่ไทยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและสกัดกั้นจับกุม อย่างไรก็ตามยาเสพติดส่วนใหญ่ออกมาจากพื้นที่ตอนกลางพม่า เนื่องจากพื้นที่ชั้นในมีการสู้รบกันมากจึงมีความพยายามหลบเลี่ยงเส้นทางการขนยาเสพติดมาตามชายแดน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิเคราะห์กันว่าการที่ยาเสพติดระบาดหนักเพราะมีการผลิตเพื่อนำเงินไปซื้ออาวุธใช้ในการสู้รบกัน หัวหน้าตำรวจเขตพะอันกล่าวว่าอาจมีบางกลุ่มติดอาวุธที่ทำเช่นนั้น แต่KNU ไม่มีความคิดเช่นนี้เลย ที่สำคัญคือพวกที่ผลิตยาเสพติดก็มักจะคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก เขาไม่ค่อยคิดเรื่องการสู้รบ
———–