จากกรณีที่แม่น้ำกระบุรี อ.กระบุรี จ.ระนอง ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ดีบุกบริเวณบริเวณลำห้วยต่างๆซึ่งเป็นต้นแม่น้ำกระบุรี ชายแดนในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า โดยมีการเปิดหน้าดินเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดการชะล้างหน้าดินเป็นตะกอนผสมสารโลหะหนักลงน้ำ จนทำให้แม่น้ำกระบุรีมีสีขุ่นข้นและไม่สามารถนำมาบริโภคอุปโภคได้ตั้งแต่ ปี 2562
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 แหล่งข่าวชายแดน จ.ระนอง เปิดเผยว่า ล่าสุดพบผู้ประกอบการลักลอบเปิดเหมืองถลุงดีบุกแห่งใหม่ใกล้บริเวณเกาะสอง ส่งผลกระทบทำให้แม่น้ำกระบุรีในช่วงนี้มีสีขุ่นข้นไปถึงปากน้ำระนองแล้ว ปริมาณเหมืองดีบุกปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 5 แห่ง ในขณะที่เหมืองทองคำยังมี 1 แห่ง
“ส่วนใหญ่เป็นเหมืองดีบุก ทำให้แม่น้ำกระบุรีมีสีขุ่นแล้ว จะไม่ขุ่นก็ตอนที่รัฐมนตรีเดินทางมามอบถ้วยพระราชทาน 2-3 วันนี้เองที่ทำให้แม่น้ำกระบุรีหยุดขุ่น” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นักการเมืองท้องถิ่นโดยเฉพาะนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำลังจะหมดวาระ ทำให้เกิดช่องว่างในแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านเพราะต้องเตรียมหาเสียง
“ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาการทำเหมืองแร่ดีบุกพื้นที่ฝั่งเมียนมา ได้ปล่อยตะกอนสารพิษลงแม่น้ำ แต่ในระดับจังหวัดโยนให้คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC ไปเจรจา
โยนกันไปโยนกันมา ผมไม่รู้ว่ามีใครไปรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการกันแล้วหรือยัง เพราะไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเลย”แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ระดับแม่น้ำกระบุรีในช่วงนี้ชาวบ้านจะเรียกว่าน้ำนอนคลอง ปานกลาง แต่ปริมาณทรายเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร เป็นตะกอนทรายละเอียดที่พัดมาจากที่อื่นซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากการทำเหมือง หน้าฝนน้ำจะพัดแรงเลยพัดทรายมาด้วย โดยก่อนที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะมาเป็นประธานเปิดงานประเพณีเสด็จพระแข่งเรือชิงถ้วยพระราชทาน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา แม่น้ำกระบุรีก็ขุ่นอยู่แล้ว แต่พอมีงานพายเรือแม่น้ำก็ใสและสามารถตกปลาได้
“ทุกครั้งที่มีผู้ใหญ่หรือนักการเมืองเดินทางมา อ.กระบุรี แม่น้ำจะใสแต่พอกลับน้ำก็ขุ่นเหมือนเดิม น่าจะมีการรับผลประโยชน์กันทั้งระบบแล้ว โดยเฉพาะน้ำประปาที่ไม่สามารถนำมาบริโภคอุปโภคได้ตั้งแต่ปี 2562 ทุกวันนี้ปัญหานี้ พูดไปก็ไม่มีใครทำอะไร โยนให้ TBC โดยที่เราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยเพราะกองทัพปิดหมด ต้องรอให้แม่น้ำกระบุรีเละมากๆคงจะกระตุ้นกันได้บ้าง” แหล่งข่าว กล่าว
ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถาม นายณรงค์ชัย สกุลอ่อน นายอำเภอกระบุรี กรณีเหมืองเปิดใหม่ในฝั่งพม่าส่งผลให้แม่น้ำกระบุรีมีความขุ่นเพิ่มมากขึ้น โดยนายอำเภอกระบุรี กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทีเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าในพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนองปัญหาแม่น้ำมีสีขุ่นข้น น้ำประปาไม่สามารถนำมาบริโภคอุปโภค ได้รับการแก้ไขคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายณรงค์ชัย กล่าวว่าทางจังหวัดพยายามแก้ไขและอาจจะยังไม่ได้แจ้งอำเภอ แต่ทราบว่าจังหวัดกำลังแก้ไขปัญหาอยู่
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามนางนฤมล บุญช่วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.ปากจั่น) ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน้าที่ต้องจัดหาแหล่งน้ำอื่นเพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ทดแทน โดยได้รับคำตอบจากนายก อบต.ปากจั่น ว่ากำลังอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ หากมีสัญญาณแล้วจะรีบโทรกลับ ซึ่งจนถึงปัจจุบันนางนฤมลยังไม่เคยตอบคำถามเรี่องการแก้ไขปัญหาน้ำประปา ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง แม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งนี้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 (จ.ภูเก็ต) ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินครั้งที่ 3 ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาพบความขุ่นที่ปากกระ 63.36 และแม่น้ำกระบุรี 56.96 โดย สคพ.15 กล่าวว่าจะลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินแม่น้ำกระบุรีครั้งต่อไป เป็นครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2568 ในเดือนพฤศจิกายนนี้
อนึ่ง เหมืองแร่บริเวณต้นแม่น้ำกระบุรีเป็นเหมืองเถื่อนในประเทศพม่า ดำเนินการโดยคนจีนซึ่งขุดเจาะเหมืองแร่กระจัดกระจายตามลำห้วยสาขาของแม่น้ำกระบุรี ภายใต้การดูแลของทหารพม่า และขนแร่ผ่านพื้นที่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU (Karen National Union) โดยบางส่วนได้ขนแร่ผ่านมายังเกาะสอง และเข้าประเทศไทยด้านจังหวัดพังงา
( https://transbordernews.in.th/home/?p=42810 อ่านข่าวเก่าย้อนหลัง)
————