Search

พบปัญหาอื้อ-จ้างแรงงานในค่ายผู้ลี้ภัย นายจ้างสีขาวแนะตั้งคณะทำงานร่วมแก้ปัญหาต้นถึงปลายน้ำ เผยนายหน้าเข้าไปขนแรงงานแล้ว

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 นางนิลุบล พงษ์พยอม ผู้แทนกลุ่มนายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าว (นายจ้างสีขาว) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ จ.ตาก เพื่อจ้างแรงงานผู้ลี้ภัยจำนวนประมาณ 300-400 คน ของสมาคมชาวไร่อ้อย ว่าเดิมที่เข้าใจว่านายจ้างสามารถทำเรื่องและถือเอกสารเข้าไปรับสมัครคนงานในค่ายผู้ลี้ภัยได้เลย แต่ในทางปฏิบัติพบว่าสำนักงานจัดหางานจังหวัดจะต้องใช้เวลาในการทำเอกสารเพื่อขออนุญาตเข้าคัดเลือกคนที่ค่าย ก่อนหน้านี้ตนในฐานะนายจ้างได้แจ้งความประสงค์ผ่านอีเมลไปแล้ว โดยแจ้งความต้องการ จากนั้นมีขั้นตอนอื่นๆ เช่นคัดคนงานและพามาปั๊มลายนิ้วมือ

“เดิมได้ยินว่าติดต่อจัดหางานและหนังสือรับรองการจ้างใบเดียวออกมาได้เลย แต่ในความเป็นจริงทางนี้มีทีมที่คุมทั้งหมดอยู่ โดยการคัดคนงานจะมีคนคัดให้ ไม่ใช่อยู่ดีดๆเดินเข้ามาแล้วมาเลือกคนงาน เอกสารเสร็จภายในหนึ่งวันและพาคนงานออกไปได้เลย ไม่ใช่เช่นนั้น มันไม่ได้มีความง่ายดายขนาดนั้น แต่มีกระบวนการย่อยๆ ต้องมีเอกสารต่างๆ หลายอย่าง”นางนิลุบล กล่าว

“เมื่อเร็วๆ นี้ทราบว่ามีนายหน้าสามารถเข้าถึงแรงงานผู้ลี้ภัยได้เลย เขาบอกเลยว่าต้องการคนงานเท่านี้เท่านี้ และสามารถรับคนงานออกไปได้เลยอย่างง่ายดาย” นายจ้างสีขาวกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมรู้ว่าเป็นนายหน้า นางนิลุบลตอบว่าตนทำงานอยู่ในวงการนี้มา 10 ปีแล้ว ก็ทราบว่าใครทำอะไร ได้ผลประโยชน์อย่างไร และตนได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมการจัดหางานว่าพบปัญหาที่ระบบไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ระบบพัง นายจ้างจะขอล็อกอินลงทะเบียน แต่รหัส OTP ก็ไม่เข้า พบว่าระบบมีปัญหาหลายจุด การ search หาตำแหน่งงานก็ไม่ขึ้น ตนจึงได้แจ้งอธิบดีฯ ว่านายจ้างเข้ามาวิจารณ์กันมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้แรงงานตามเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่ นางนิลุบลตอบว่า มีคนคัดแรงงานผู้ลี้ภัยมาให้ประมาณหนึ่ง แต่เมื่อมารับก็มีคนที่ไม่พร้อม หรือเปลี่ยนใจ ตนก็พยายามขอเพิ่ม ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ภายในวันนี้หรือไม่ คนงานบางคนก็ไม่แน่ใจว่าจะตัดอ้อยได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามการจับคู่นายจ้างกับคนงานในค่ายทำไม่ถึงไม่ประสบผล นางนิลุบลตอบว่า ในทางปฏิบัตินายจ้างทุกคนเข้ามาเองโดยที่ไม่มีสำนักงานจัดหางานไม่ได้ จำเป็นต้องใบเบิกทางจากฝ่ายปกครอง อำเภอ และคณะกรรมการที่ดูแลผู้ลี้ภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดหางานก็มีเพียง 2-3คน

นายจ้างสีขาวกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการแยกประเภทของคนงานแล้ว แต่ต้องดูว่ามีผลหรือไม่ ประเภทของกิจการแต่ละอย่างจะมีคนงานหรือไม่ ซึ่งเมื่อรับแจ้งว่าได้ก็ต้องนำหนังสือเข้ามาในค่าย เมื่อเข้ามาแล้วพบคนงาน ดำเนินการสแกนนิ้ว ทำเอกสารต่างๆ มากมาย

“ขั้นตอนเยอะอยู่ ตอนนี้ก็นั่งรออยู่ในศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัย” นายจ้างกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแก้ปัญหาให้ถูกเป้าควรทำอย่างไร นางนิลุบลตอบว่า ควรจะต้องมีคณะทำงานร่วมเพื่อคุยกันในทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องว่าจากต้นน้ำถึงปลายน้ำคุณทำอะไร และต้องไม่นอกลู่ ให้ทราบว่ารับผิดชอบอะไรเมื่อคนงานออกไปแล้วหากไม่โอเค ทำงานไม่ได้ หรือเหตุอื่นๆ การนำคนงานผู้ลี้ภัยกลับมาส่งจะเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละศูนย์ผู้ลี้ภัยมีขั้นตอนวิธีการไม่เหมือนกันเลย เอกสารควรเป็นเอกสารใบเดียวว่าขั้นตอนที่หนึ่งสองสามระบุชัดเจนว่ากี่คน ให้ใบปะหน้าเป็นหน้าตาเดียวกัน ใช้ได้กับทุกศูนย์ โดยเช็คแต่ละจุดว่าสำเร็จแล้วมีลายเซ็นมีตราประทับแล้วตามขั้นตอน เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนไม่นอกลู่

“ยังจะมีการผลักดันให้จ้างงานแรงงานผู้ลี้ภัยกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง เช่นผู้ลี้ภัยในเมือง ซึ่งหากกลุ่มแรกนี้ดำเนินการไม่สำเร็จก็จะดำเนินการให้กับกลุ่มอื่นได้ลำบาก” นายจ้างกล่าว