ผศ.ดร.สุพิชฌาย์ ปัญญา
คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มช.
หลังจากรัฐบาลลาวประกาศนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วยการผันสภาพที่ดินขนาดใหญ่เป็นพื้นที่แห่งการลงทุน การพัฒนา และการเชื่อมต่อกับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจภายใต้โครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงโดยรัฐบาลลาวทำหน้าที่จัดหาที่ดินขนาดใหญ่ กำหนดสิทธิพิเศษที่นักลงทุนได้รับในเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละแห่งและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาภายในประเทศ
เช่นเดียวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หรือที่รู้จักในนาม “คิงส์โรมัน” ตั้งอยู่บนเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว นับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งที่ 3 ของประเทศที่มีอาณาบริเวณกว่า 10,000 เฮกตาร์ ประกอบด้วยพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจำนวน 3,000 เฮกตาร์ ส่วนอีก 7,000 เฮกตาร์เป็นพื้นที่คุ้มครองโดยบริษัทดอกงิ้วคำ ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีนเป็นผู้ลงทุนและพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ ด้วยระยะเวลาการเช่าพื้นที่ 99 ปีและเริ่มลงนามก่อตั้งตั้งแต่ พ.ศ.2550 เป็นต้นมา
เนื่องจากผู้เขียนมีความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และการพัฒนาในสปป.ลาวเป็นทุนเดิม คิงส์โรมันจึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้เขียนต้องการสำรวจด้วยตนเอง จนกระทั่งผู้เขียนมีโอกาสเดินทางสำรวจคิงส์โรมัน 2 ครั้งในพ.ศ.2553 และ พ.ศ.2555 เขตเศรษฐกิจพิเศษที่เพิ่งสร้าง
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2553 การเดินทางไปคิงส์โรมันเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับผู้เขียน เพราะตอนนั้นผู้เขียนแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้มากนัก อีกทั้งอำเภอเชียงแสนในความคุ้นเคยคือ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และกาดดอนซาว –ตลาดขายสินค้าที่ระลึกของชาวลาวบนเกาะแม่น้ำโขงที่เดินทางด้วยเรือพาเที่ยว แต่พอนึกภาพคาสิโนที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิงข้างใน ผู้เขียนมักนึกถึงการคัดกรองนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักมากกว่านักท่องเที่ยวที่เดินสำรวจแล้วจากไปอย่างผู้เขียน
ด้วยเหตุนี้การเดินทางสำรวจในฐานะนักวิจัยคงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนักกับการนั่งเรือข้ามฟากจากอำเภอเชียงแสนไปยังคิงส์โรมัน ผู้เขียนจึงเลือกเดินทางผ่านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ด้วยการนั่งเรือไปยังเมืองห้วยทรายแขวงบ่อแก้ว และจ้างเหมารถโดยสารเพื่อเดินทางไปยังคิงส์โรมัน พื้นที่แห่งนี้ใน พ.ศ.2553 เรียกได้ว่าเป็นเขตเศรษฐกิจที่เพิ่งสร้างอย่างแท้จริง
ทั้งถนนหนทางเชื่อมต่อระหว่างชุมชนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ยังสร้างไม่เสร็จสิ้น ครึ่งหนึ่งเป็นถนนเทปูน
แต่อีกครึ่งหนึ่งยังคงเป็นถนนดินลูกรัง เมื่อรถโดยสารเดินทางถึงคิงส์โรมัน ผู้เขียนพบว่ามีเพียงตึกคาสิโนสีเหลืองหลังคาทรงโดมสีทอง โรงแรม 3 ชั้นสีฟ้า ตลาดจีนและอาคารทรงตะวันตกที่พร้อมเปิดใช้งาน ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ที่รอคอยการพัฒนา และแล้วการพัฒนาก็เดินทางถึงพื้นที่แห่งนี้
ตัดภาพมายังปี พ.ศ.2568 การเดินทางไปสู่คิงส์โรมันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น ผู้คน แรงงานข้ามชาตินักท่องเที่ยว นักเดินทาง หรือแม้กระทั่งนักแสวงโชคต่างเดินทางมายังพื้นที่แห่งนี้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ผู้เขียนจึงเดินทางไปคิงส์โรมันอีกครั้งเพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลงภายในและชุมชนโดยรอบ เนื่องจากผู้เขียนยังคงมีภาพจำเกี่ยวกับพื้นที่แห่งนี้ที่ไม่ต่างจาก พ.ศ.2553 กอปรกับข่าวเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาในพื้นที่ชายแดนหลายแห่งที่ไม่สู้ดีนักและคิงส์โรมันถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ถูกจับตามอง การจ้างบริษัททัวร์พาเข้าพื้นที่เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนักสำหรับผู้เขียนและมิตรสหายที่ร่วมเดินทางด้วยกัน
กล่าวได้ว่าการเดินทางครั้งนี้บริษัททัวร์อำนวยความสะดวกทั้งเรื่องการนั่งเรือข้ามฟาก การเตรียมเอกสารข้ามแดนและการเดินทางภายในคิงส์โรมัน
“ประชาชนลาวเอาดินให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะคืนเป็นตัวเมืองหนึ่งให้ประชาชนลาว” จ้าว เหวย ผู้นำคนสำคัญของอาณาจักรคิงส์โรมัน ได้กล่าวเอาไว้
ปัจจุบันคิงส์โรมันกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งตากอากาศ และแหล่งลงทุน โดยจ้าวเหวย ซึ่งเป็นนักลงทุน นักพัฒนาพื้นที่สัญชาติจีน และประธานสภาบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนรมิตเขตเศรษฐกิจแห่งนี้ให้เป็นมากกว่าแหล่งการพนันและสถานบันเทิง
ภูมิทัศน์เมืองใหม่ของจ้าวเหวยคือชุมชนเมืองขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูง อาคารทันสมัยแบบตะวันตกผสมกับสถาปัตยกรรมแบบจีน
ถนนหนทางที่สะอาดรายล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิด ความทันสมัยของคิงส์โรมันยังปรากฏให้เห็นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับกับการเติบโตของเมืองโดยเฉพาะการสร้างสนามบินนานาชาติบ่อแก้วที่ย่นระยะการเดินทางของผู้คนและสินค้าที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังคงมีอีกหลายพื้นที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โรงพยาบาลขนาดใหญ่และครบวงจร
กล่าวได้ว่าคิงส์โรมันในปัจจุบันยังเป็นพื้นที่แห่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทว่าผลประโยชน์จากการพัฒนาเหล่านี้อยู่ในมือของใครกันแน่
ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า คิงส์โรมันมีการบริหารจัดการปกครองแบบ “พิเศษ”โดยรัฐบาลลาวยกสิทธิพิเศษบางประการแก่นักลงทุนภายในพื้นที่ 2 เป้าหมายสำคัญของรัฐบาลลาวคือการลดความยากจน การพัฒนาพื้นที่ห่างไกล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ด้วยเหตุนี้นักพัฒนาพื้นที่จึงมีสิทธิในการบริหารจัดการปกครองร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลลาวอย่างใกล้ชิด สายสัมพันธ์ของจ้าวเหวยกับรัฐบาลลาวถูกอธิบายผ่านภาพถ่ายในห้องโถงขนาดใหญ่ของโรงแรมดาวดอกงิ้วคำ(Kapok Star Hotel)
รูปภาพแต่ละฝั่งแสดงถึงสัมพันธภาพของจ้าว เหวย กับตัวแทนจากรัฐบาลลาว ภาพของการเจริญเติบโตของพื้นที่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและการเยี่ยมเยียนของคณะทูตจากต่างประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้
จากการสังเกตของผู้เขียนร่วมกับมิตรสหายในการสำรวจเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ในระยะเวลาสั้น ๆ พบว่าการบริหารปกครองในพื้นที่นี้มีลักษณะเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
รถยนต์จะมีตัวเลขขนาดใหญ่อยู่บนกระจกรถด้านหน้า ในขณะที่รถมอเตอร์ไซค์เป็นป้ายสีเหลืองที่มีตัวอักษร LP
สิทธิพิเศษอีกประการหนึ่ง คือ ภายในเศรษฐกิจพิเศษ มีเพียงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สกุลเงินบาทและสกุลเงินหยวนที่ใช้ในการจับจ่ายใช้สอยได้ แม้ผู้เขียนพบเห็นป้ายเชิญชวนการใช้เงินสกุลกีบ แต่ในความเป็นจริงแลดูเป็นไปได้ยากในพื้นที่แห่งนี้
นอกจากนี้สินค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษเต็มไปด้วยสินค้าจีนมากกว่าสินค้าลาว ผู้เขียนพยายามใช้มือของตนเองวัดขนาดกับพืชผักที่ขายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตพบว่าพืชผักข้างในมีขนาดใหญ่เท่ากำมือจนผู้เขียนอดสงสัยไม่ได้ว่าพืชผักเหล่านี้เพาะปลูกที่ลาวหรือนำเข้าจากจีนกันแน่
มิตรสหายได้ตั้งสังเกตเพิ่มเติม พบว่าแรงงานที่ทำงานอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ว่าจะในโรงแรมดาวดอกงิ้วคำหรือกาดดอนซาวนั้น แทบไม่พบแรงงานชาวลาว ภายในโรงแรมดาวดอกงิ้วคำมีทั้งแรงงานชาวไทยและชาวเมียนมา
แคชเชียร์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็เป็นชาวเมียนมาที่พูดภาษาจีนได้ ส่วนกาดดอนซาวเกือบทุกร้านจ้างพนักงานขายเป็นชาวเมียนมาที่ย้ายถิ่นฐานมาจากเขตเนปิดอว์
ในขณะที่งานบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นรถแท็กซี่หรือไรเดอร์ส่งอาหารก็พบว่าผู้ที่ทำงานเหล่านี้มักเป็นชาวจีน ดังนั้นเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ก็ไม่ได้สร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวลาวโดยตรงนัก
สุดท้าย การปรับปรุงภูมิทัศน์กาดดอนซาว จากอดีตผู้เขียนเคยเดินทางไปยังตลาดแห่งนี้ผ่านเส้นทางเรือ ซึ่งภายในเต็มไปด้วยสินค้าจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีการถมที่ดินเพื่อเชื่อมต่อกาดดอนซาวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ อีกทั้งยังมีการพัฒนาพื้นที่จนสวยงามและทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ทว่ากาดดอนซาวกลับหลงเหลือร้านขายสินค้าลาวเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น สินค้ากลุ่มชาติพันธุ์ที่ผู้เขียนเคยเห็นถูกแทนที่ด้วยสินค้าเครื่องใช้จากจีน
กล่าวได้ว่าตลาดดอนซาวที่ผู้เขียนรู้จัก ถูกทำให้สูญหายท่ามกลางกระแสการพัฒนาพื้นที่เมืองใหม่แห่งนี้ไปเสียแล้ว









