Search

จี้คสช.ระงับแผนพัฒนาพลังงานสกปรก ชาวกระบี่กว่า 300 คนชุมนุมค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกรีนพีซร่อนจม.ถึงกฟผ.ยื่น 3 ข้อเรียกร้อง หวั่นท้องทะเลอันดามันถูกทำลาย

image

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2557 ที่จังหวัดกระบี่ ประชาชนที่คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเรือขนส่งถ่านหินกว่า 300 คน ได้เคลื่อนขบวนรถจำนวน 60 คัน เพื่อยื่นหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างทั้งในส่วนของท่าเทียบเรือและโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่ดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และทบทวนทางเลือกการผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืน โปร่งใสและเป็นธรรมในพื้นที่ โดยในช่วงเช้าชาวบ้านตั้งใจจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัด แต่เมื่อไปถึงในเขตอำเภอเมืองเวลาประมาณ 13.00 น.ได้มีนายทหารออกมาเจรจาเพื่อให้ขบวนรถออกไปจัดกิจกรรมบริเวณอื่น เนื่องจากมีการจัดงานในพื้นที่ และร่วมวงเจรจาปัญหากับกลุ่มคัดค้านพร้อมรับหนังสือไว้ โดยใช้เวลาร่วมเจรจากับชาวบ้านประมาณ 3 ชั่วโมง และรับปากว่าจะส่งข้อเรียกร้องของประชาชนให้คสช.รับทราบ

 

นายศักดิ์กมล แสงดารา ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องกระบี่จากกล่าวว่า ที่ผ่านมา กฟผ.มีความพยายามในการก่อสร้างท่าเทียบเรือและโรงไฟฟ้าหลายครั้งในบริเวณอำเภอเหนือคลอง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตสร้างท่าเรือขนส่งถ่านหิน ทั้งที่ไม่เคยมีกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ทำให้เกิดความขัดแย้งกับชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีข่าวว่า คสช.ในฐานะผู้ปกครองในขณะนี้ ได้มีอำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการพลังงานเรียบร้อยแล้ว ชาวกระบี่ที่คัดค้านเห็นควรว่า คสช.น่าจะมีการทบทวนนโยบายพลังงานให้รอบคอบ เพราะถ่านหินเป็นพลังงานสกปรก อีกทั้งที่ผ่านมา กฟผ.ก็ไม่เคยดำเนินการตั้งอยู่ในธรรมาภิบาลและกรอบกฎหมาย จึงได้ทำหนังสือให้ คสช.ยกเลิกแผนการพัฒนาพลังงานถ่านหิน

 

นายศักดิ์กมลกล่าวว่า ในกรณีท่าเรือในอำเภอเหนือคลองนั้น มีเหตุผลควรระงับและยกเลิก เนื่องจากการศึกษาจากต่างประเทศ องค์กรอนุรักษ์และนักวิชาการ ในประเทศระบุว่ามีเหตุผลไม่เหมาะสมจะสร้างดังนี้ 1 .พื้นที่สร้างท่าเรือมีเส้นทางเชื่อต่อกับพื้นที่ทะเลที่ยาวและผ่านเกาะสำคัญซึ่งมีชื่อเสียงทางการท่องเที่ยว เช่น เกาะพีพี เกาะลันตา อาจทำทำลายระบบนิเวศน์ภูมิทัศน์การท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศไทยในขณะนี้ 2. การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอาจก่อเกิดมลพิษแบบลมหมุนวน ในทะเลอันดามัน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ และเกิดการพัดพาตะกอนที่ทำลายสิ่งแวดล้อมใต้น้ำด้วย

 

นายศักดิ์กมล กล่าวว่า นอกจากเหตุผลผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมแล้ว การเกิดขึ้นของโรงไฟฟ้ายังสร้างผลกระทบต่อประมงพื้นบ้านในจังหวัดด้วย ซึ่งชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงจะเสียรายได้และเสียอาชีพที่มั่นคง อาจทำให้ประชาชนตกงาน อย่างไรก็ตามในเรื่องข่าวลือบางกรณีที่ระบุว่า ภาคใต้เสี่ยงต่อการขาดแคลนไฟฟ้าหากไม่ก่อสร้างนั้น จากการประเมินภาพรวมโดยผู้รู้ระบุว่า ภาคใต้มีไฟฟ้าเพียงพอและหากต้องการความมั่นคงในเรื่องพลังงานในอนาคต อาจเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนได้เช่น การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ซึ่งนิยมกันมากในประเทศเยอรมนี จึงไม่มีความจำเป็นต้องสร้างพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนว่า จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียว (Krabi Go Green) จึงอยากให้ คสช.เร่งดำเนินการเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมไว้

 

ทั้งนี้ในวันเดียวกัน กลุ่มกรีนพิซองค์กรด้านอนุรักษ์ธรรมชาติได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ว่ากฟผ. เพื่อให้หยุดเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินกระบี่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช) ภายใต้ คสช.และทบทวนทางเลือกการผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืน โปร่งใสและเป็นธรรมในพื้นที่

 

เนื้อหาในจดหมายดังกล่าวระบุว่าคสช.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (คำสั่งฉบับที่ 54/2557) โดยให้มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายพลังงานต่อ คสช. กำหนดหลัก เกณฑ์และเงื่อนไขให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงาน ติดตามดูแล ประสาน สนับสนุนและเร่งรัดงาน ทั้งในส่วนราชการ เอกชนและรัฐวิสาหกิจเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ รวมทั้งประเมินผล การปฎิบัติงานตามนโยบายพัฒนาพลังงานของประเทศนั้น ทางกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินซึ่งประกอบด้วยกลุ่มและองค์กรตามรายชื่อท้ายจดหมายนี้ในฐานะ ภาคประชาสังคม ขอเรียกร้องต่อกฟผ.ในฐานะเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ ดังนี้

 

1) หยุดเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินที่จังหวัดกระบี่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่แต่งตั้งขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมกันนี้ ให้ยุติการดำเนินกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และการรับฟังความคิดเห็นประชาชนด้วยเหตุที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นว่ากระบวนการดังกล่าวขาดความโปร่งใสตรวจสอบได้และสร้างความขัดแย้งทางสังคมขึ้นในพื้นที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ควรนำผลการไต่สวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกรณีการละเมิดสิทธิชุมชนในพื้นที่จากกระบวนการดังกล่าวมาพิจารณาเป็นบทเรียนในการบริหารจัดการตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักสากลและมีการบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใส เป็นธรรม คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

 

2) แม้จะมีข้ออ้างมาโดยตลอดว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหิน นั้นสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan) โดยระบุว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในภาคใต้และเพื่อสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศและเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ ตลอดจนสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการกระจายสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิง แต่เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ กฟผ.ต้องยอมรับความจริงที่ว่าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ PDP2010 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 สะท้อนถึงกระบวนการวางแผนพลังงานที่เป็นปัญหาถึงขั้นวิกฤต การเลือกสร้างโรงไฟฟ้าจำนวนมากที่ก่อมลพิษ สร้างความขัดแย้ง มีต้นทุนและความเสี่ยงสูง แทนที่จะเป็นทางเลือกอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า สะอาดกว่า และสมเหตุสมผลในทางเศรษฐกิจนั้นขัดกับนโยบายด้านพลังงานของประเทศไทยและยังขัดกับผลประโยชน์ของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอีกด้วย

 

3) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกระบี่ กฟผ.ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและปลอดภัยในทุกระดับ จังหวัดกระบี่มีศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากที่สุดพื้นที่หนึ่งในภาคใต้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ได้ถึงร้อยละ 100 ภายใน 4 ปีข้างหน้า หากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯในฐานะรัฐวิสาหกิจชั้นนำในภาคการไฟฟ้าริเริ่มนำแผนอนุรักษ์พลังงานปี พ.ศ. 2554-2573 และแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกปี พ.ศ. 2555-2564 มาปฏิบัติใช้อย่างจริงจังและมีส่วนเร่งผลักดันกลไกที่มีประสิทธิภาพ เช่น กฎหมายพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่เกิดขึ้นที่กระบี่และในประเทศไทย

 

ทางกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเข้าพบผู้ว่ากฟผ. เพื่อปรึกษาหารือถึงรายละเอียดในการจัดการวางแผนระบบการผลิตไฟฟ้าที่เป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืนสำหรับจังหวัดกระบี่และในภาพรวมของประเทศไทยในวันที่ 19 มิถุนายน 2557 ในเวลาตามที่ท่านสะดวก

 

 

On Key

Related Posts

เหยื่อ 20 ชาติ 261 คนพ้นขุมนรก กะเหรี่ยง DKBA ส่งตัวให้ไทย ญาติสุดปลื้มขอบคุณประเทศไทย แต่อีกนับหมื่นยังถูกกักขัง ผบ.ราชมนู ชี้เป็นผลจากมาตรการ 3 ตัดบริษัทเล็กย้ายหนี-บริษัทใหญ่ลดระดับลง 50%

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าข้าม 28Read More →

ผู้นำกะเหรี่ยง DKBA แจงไม่รู้ไม่เห็นมาก่อนมีเหยื่อต่างชาติถูกบังคับเป็นสแกมเมอร์ระบุพร้อมทำตามความต้องการของรัฐบาลไทย ประสาน“กัณวีร์”ช่วยเหยื่อต่างชาติอีกนับร้อย

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้นำกองกำลังกะเหรีRead More →

ชาวบ้านริมโขงโวย เวทีรับฟังเขื่อนสานะคามกีดกันผู้ได้รับผลกระทบ จวก สทนช.ไม่เปิดโอกาสแสดงความเห็นตรงไปตรงมา “หาญณรงค์”จี้หยุดสร้างเขื่อน-สร้างภาระให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สวนอาหารบ่อปลา วRead More →