เรื่อง ขอให้หยุดการสัมปทานรอบที่ ๒๑
เรียน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๗ มาตรา๔ ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้
สนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของสหประชาชาติ๑๙๙๖ ตามข้อบัญญัติสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติที่๑๘๐๓ เรื่องอำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือทรัพยากรธรรมชาติ ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชนที่ต้องได้ใช้ประโยชน์และสร้างความมั่งคั่งของประชาชนในรัฐ
การสัมปทานตาม พรบ.ปิโตรเลียม๒๕๑๔ ก่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยด้านปิโตรเลียม ๓ ประการสำคัญ คือ กรรมสิทธิ์ในปิโตรเลียม กรรมสิทธิ์ในข้อมูลปิโตรเลียม กรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การผลิต ซึ่งดำเนินการมากว่า๔๐ปี ส่งผลให้ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากปิโตรเลียมของประเทศนั้นน้อยลง รัฐได้ประโยชน์จากการสัมปทานน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประชาชนต้องใช้ปิโตรเลียมในราคาสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลก การจัดสรรการขุดเจาะปิโตรเลียมรอบใหม่จึงควรสร้างระบบ กติกา เพื่อให้รัฐมีอำนาจอธิปไตยในปิโตรเลียมและจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน เสียก่อน
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดกระบี่ จึงขอให้ท่านพิจารณาระงับการเปิดสัมปทานรอบที่๒๑เอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีการแก้ไขพรบ.ปิโตรเลียมที่ทำให้รัฐมีอำนาจอธิปไตยในปิโตรเลียมและจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนเช่นการเปลี่ยนระบบสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตเพื่อให้รัฐได้อธิปไตยด้านปิโตรเลียมคืนมา
ทั้งนี้หากไม่มีการระงับการสัมปทานรอบ๒๑ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดกระบี่จะดำเนินการเรียกร้องเพื่อให้มีการยุติในรูปแบบอื่นต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดกระบี่
๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗