เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 นางพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชนจัดการทรัพยากร ลุ่มน้ำสาละวิน กล่าวว่า ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 นี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะเดินทางไปยังอำเภอแม่ลาน้อย เพื่อพบปะชาวบ้านทุ่งป่าคา ตำบลแม่ลาหลวง อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งเป็นตัวแทนแทนมอบเงินประกันตัวจากกองทุนยุติธรรมจำนวน 5.4 ล้านบาท ให้กับชาวบ้านทุ่งป่าคา 19 รายที่ถูกควบคุมตัวในห้องขัง สถานีตำรวจภูธรอำเภอ (สภอ.)แม่ลาน้อย หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกข้อหามีไม้ในครอบครอง โดยผู้ว่าฯ อาจจะมีการพบปะพูดคุยและเจรจาหาทางออกกรณีเงื่อนไขการใช้ทรัพยากรป่าไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ดังกล่าวด้วย สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในหมู่บ้านทุ่งป่าคา ชาวบ้านหลายรายแม้จะเริ่มผ่อนคลายกับสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแต่หลายรายยังกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีไม่น้อย อย่างไรก็ตามคดีความดังกล่าว ถือเป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้านไม่น้อย แต่โดยส่วนตัวมองว่า หลังการประกันตัวสถานการณ์อาจจะดีขึ้น จากนี้ต่อไปคิดว่าทางจังหวัดควรเร่งเยียวยาชาวบ้านและออกหลักเกณฑ์เรื่องป่าไม้โดยเร็ว
ด้านนายอเนก ผาแดงสง่า ชาวบ้านทุ่งป่าคา หนึ่งในผู้ต้องหามีไม้ในครอบครองจำนวน 33 แผ่นและรอลงอาญาจากศาล กล่าวว่า แม้ตนจะไม่ได้ติดคุกเหมือนเพื่อนบ้านอีก 19 ราย แต่ถือว่ามีบทเรียนจากการครอบครองไม้ป่าครั้งนี้อย่างมาก โดยชาวบ้านทั้ง 39 รายที่ถูกดำเนินคดีทั้งส่วนที่ติดคุกและส่วนที่รอลงอาญา ต่างตั้งคำถามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านมีความเข้าใจว่า ป่าดังกล่าว เป็นป่าที่สามารถใช้สอยได้ เพราะผลผลิตของป่าไม้ที่มีนั้นชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์มาก่อน แม้วันนี้ไม่ได้มีโอกาสใช้ไม้นั้น แต่ก็ยินดีคืนให้หน่วยงานราชการตามกฎหมายบ้านเมือง แต่หากมีโอกาสได้เจอผู้ว่าฯ จะขอให้ผู้ว่าฯ ช่วยกำชับหน่วยงานราชการลงพื้นที่ทำความเข้าใจเรื่องการจัดการป่ากับชาวบ้านบ้าง เพื่อจะได้ไม่ผิดพลาด
“ไม้ที่ผมมี ประมาณ 30 กว่าแผ่น ผมก็เก็บไว้ต่อเติมบ้าน เก็บนาน 1 ปีแล้ว ไม่ได้ซุกซ่อนใคร และไม่ได้เก็บเป็นความลับ เพราะเรานึกว่า เราดูแลได้ เราใช้ได้ พอผลพิจารณาคดี บอกว่าเป็นป่าห้ามตัด เราคงต้องยอมรับไปตามผิด แต่ที่ไม่เกิดความเป็นธรรม คือ เราชาวบ้านโดนจับ โดนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวและเรียกค่าปรับ แต่นายทุนใหญ่ไม่โดน เราก็อยากให้เข้มงวดเท่าๆ กัน เราไม่มีเงินไปสู้คดี “ นายอเนก กล่าว
นายอเนก กล่าวด้วยว่า หลังจากเจ้าหน้านำกำลังควบคุมตัวชาวบ้านครั้งนั้น ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป มีนายทหาร เข้ามาแจกผ้าห่มกันหนาวให้ชาวบ้านทั้ง 39 ราย และมีประชาสัมพันธ์ว่าในวันที่ 4 พฤศจิกายน จะมีการเล่นดนตรีเพื่อเยียวยาชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งส่วนตัวมองว่า การเล่นดนตรีไม่ใช่ทางออกของปัญหา ทางออกที่แท้จริง คือ การเร่งรัดประชุมทำความเข้าใจที่จริงจัง น่าจะสร้างความมั่นคงในพื้นที่มากกว่า
////////////////////////////
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.