เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ (อช.)แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าววิจารณ์ทางสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายบ้านนายคออี้ มิมี หรือปู่คออี้ ชาวกระเหรี่ยงบ้านบางกลอยบนที่ถูกอพยพมาอยู่บางกลอยล่าง เนื่องจากบ้านหลังปัจจุบันอยู่บริเวณใกล้เคียงจะใช้เป็นพื้นที่จอดเฮลิคอปเตอร์ ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง หรือหากมีคนพูด ผู้พูดก็คงไม่ใช่เจ้าหน้าอุทยานฯโดยทางอุทยานฯ ไม่เคยมีการกล่าวถึงเรื่องนี้
นายกมลกล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือ บริเวณดังกล่าวไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้อย่างแน่นอนเพราะหากจะนำลงจอด รถยนต์ที่ใช้รับ-ส่งก็เข้าไปอย่างลำบาก ทางอุทยานฯ จึงใช้พื้นที่หน่วยพิทักษ์ป่าของอุทยานฯแทน เพื่อเป็นลานจอดต่อไป และบ้านบางกลอยล่างก็ไม่เคยอยู่ในแผนพัฒนาให้เป็นลานจอดรถ หรือจอดเฮลิคอปเตอร์ อย่างไรก็ตามอยากให้ชาวบ้านสบายใจและวางใจ เพราะพื้นที่หมู่บ้านอยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานฯ ย่อมไม่มีใครมีสิทธิมาพัฒนา หรือรื้อบ้านของชาวบ้านได้อย่างแน่นอน หากจะเกิดขึ้นอุทยานฯ ต้องรับรู้ และเชื่อมั่นว่าไม่มีใครกล้าทำอย่างนั้น
“ผมไม่เคยได้ยินเรื่องการรื้อบ้าน ไม่ว่าจะมีหน่วยงานใดเข้ามาก็ตาม และพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่มีความเป็นไปได้ ที่จะดำเนินการพัฒนาเป็นลานจอดเพราะรถเข้า-ออกลำบาก ทั้งนี้เรื่องความกังวลของชาวบ้านในเรื่องการจัดการทรัพยากรในอุทยานฯ เราขอเน้นย้ำว่าจะเปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านเสมอ อย่างกรณีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่กลายเป็นข่าวลือในโลกออนไลน์ หากจะก่อสร้างหรือทำจริงๆ อุทยานฯ จะขอปรึกษาชาวบ้าน หรืออย่างน้อยก็ประสานงานผ่านผู้นำชุมชน ขอให้มั่นใจว่าเราไม่ทำอะไรแบบละเมิดสิทธิแน่นอน” นายกมล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับอุทยานฯ มาโดยตลอดเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายกมล กล่าวว่า กรณีการเพิ่มพื้นที่ทำกินนั้น ขณะนี้ทางอุทยานฯ ยังไม่ได้มีข้อสรุปหรือหารือเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตนยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปศึกษารายละเอียดใดๆ แต่เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวก็ต้องอาศัยการขออนุญาตจากส่วนกลางด้วย ไม่มีใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่หากมีโอกาสประชุมหารือก็จะแจ้งให้ชาวบ้านทราบ ส่วนเรื่องการอนุญาตให้ชาวบ้านไปเก็บฟืน หรือเก็บของป่านั้น ทางอุทยานฯ ไม่ได้มีคำสั่งห้าม โดยขณะนี้ยืนยันว่าการปฏิบัติภารกิจเป็นไปอย่างเป็นธรรมและทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนมั่นใจว่าอุทยานฯ จะไม่ละเมิดสิทธิชาวบ้าน
ด้านนายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอุทยานฯและชาวบ้านเริ่มลดลงก็จริง ชาวบ้านยังสามารถเข้าป่าไปหาของป่า เก็บฟืน ได้ แต่ใครทำผิดทางอุทยานฯ ก็ส่งตัวดำเนินคดี โดยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมามีบางรายเข้าป่าโดยพกอาวุธไปด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานฯจับได้และยึดอาวุธไว้ พร้อมเรียกตนให้ไปรับทราบและเป็นพยานยืนยัน ซึ่งหากเป็นคนทำผิดข้อหาพกพาอาวุธและเป็นสมาชิกบ้านบางกลอย ตนก็จะร่วมเจรจาประนีประนอมบ้าง ซึ่งถือว่ามีการให้สิทธิผู้นำชุมชนในการตัดสินใจ แต่กรณีไม่ใช่คนบางกลอย ก็รายงานตามความจริง อย่างน้อยก็ปกป้องลูกบ้านไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ แต่อยากให้อุทยานฯ เร่งรัดการจัดการพื้นที่ทำกินโดยเร็ว เพราะชาวบ้านยังเดือดร้อนอยู่
———–
