อ่านข่าวอธิบดีกพร.อนุญาตให้เปิดเหมืองทองพิจิตรแล้ว เห็นใบหน้าป้าๆ แถวเขาหม้อลอยมาทันที
วันก่อนผมไปลงพื้นที่รอบๆ เหมืองทอง ได้นั่งคุยกับป้าๆ 4 คนคือป้าไล ป้าเงาะ ป้าทินและป้าหลิง อายุร่วม 60-70 กันทั้งนั้น แต่ละคนก็มีสารโลหะหนักอยู่ในร่างกายกันคนละชนิดสองชนิด
ตอนแรกป้าๆ ก็ดูเกร็งไม่ค่อยกล้าเล่าอะไรมาก แต่พอชวนคุยเรื่องอดีตของเขาหม้อซึ่งปัจจุบันถูกระเบิดแบนราบจนไม่เหลือซากเท่านั้นแหละ เล่ากันกระจาย
“โอ้ย สมัยเรายังสาวๆ น่ะ เขาหม้อยิ่งกว่าเซเว่นอีก เราไปหากินได้ตลอดทั้งปี สัตว์ป่าก็ชุกชุมมาก ฉันมีนาอยู่แถวนั้น ไม่มีอด” ป้าไลฉายอดีตด้วยแววตาแจ่มจรัส ขณะที่ป้าๆ อีก 3 คนพูดเสริมอดีตจนยาวย้อนไปถึงวัยเด็ก ซึ่งผมเองก็ชอบฟังและจินตนาการเห็นภาพเขาหม้อที่เต็มไปด้วยต้นไม้และสัตว์ป่า
เพียงแค่ 10 กว่าปี ความอุดมสมบูรณ์ของชาวบ้านถูกแปลงเป็นทะเลหินและหลุมลึก เซเว่นของชุมชนเขาหม้อกลายเป็นเหมืองทองคำของธุรกิจเอกชน
“เขามาซื้อฉันไร่ละ 4 พันบาท เราก็ไม่รู้ว่าใต้ดินมีทอง เห็นแต่เขาใช้เครื่องบินมาบินวนที่เขาหม้อ” ป้าไลย้อนความเจ็บปวด แกขายที่ไร่ที่น่า 30 ไร่ในราคาถูกเพราะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ขาย จึงถูกกด และเงินที่ได้มาก็หมดไปนานแล้ว “ฉันไม่คิดว่าวันหนึ่งที่ดินที่ฉันขายไป มันจะกลับมาทำร้ายฉันเอง”
ตอนนี้ป้าแต่ละคนเริ่มมีอาการผิดปกติในร่างกาย แขนชาบ้าง เหนื่อยง่ายบ้าง ขี้ลืมบ้าง ผมแกล้งแซวว่าเป็นอาการของคนอายุเยอะหรือเปล่า ป้าๆ ทั้ง 4 ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ใช่แน่”
ความทุกข์ของคนที่เป็นแม่เป็นยายดูจะหนักหนาสาหัสมาก เพราะเป็นห่วงลูกหลานไม่รู้ชะตาอนาคตจะเป็นอย่างไร แถมผักหญ้าตามหัวไร่ปลายนาและริมรั้วก็ไม่กล้ากินกันแล้ว
“ปกติฉันชอบกินตำลึงมาก ปลูกไว้ริมรั้วเป็นแถวยาว ตอนหลังสังเกตว่ายอดมันหงิกขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังกินนะ เพราะชอบ แต่พอหมอพรทิพย์มาตรวจพบสารพิษ เดี๋ยวนี้เลยไม่กล้ากินและรื้อทิ้งหมดเลย” สมาชิกป้าเล่าไปขำไป ผมก็พลอยหัวเราะแบบขื่นๆไปด้วย มันเป็นเรื่องน่าปวดใจมากสำหรับคนชนบท ที่มียอดไม้ใบหญ้ารอบบ้านเป็นอาหารประจำ แต่วันหนึ่งกลับกินไม่ได้ และต้องหันไปพึ่งผักกระแสหลักจากตลาดต่างถิ่น
“เมื่อก่อนกินส้มตำ ยอดผักบุ้ง ยอดกระถิน ยอดมะยม มีให้เด็ดมากมาย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครกล้าแล้ว” ป้าทินอธิบายบรรยากาศการกินที่เปลี่ยนไปสิ้นเชิง
“ฉันว่าเขาใจดำไปหน่อย จริงๆ แล้วเขาก็เคยมาตรวจชาวบ้าน ฉันว่าเขาก็รู้ว่ามีสารพิษปนอยู่ข้างนอก แต่เขาไม่เคยบอกเราเลย พวกเราก็ได้แต่คาดเดากันไป ถ้าเขาบอก เราก็จะได้หาทางรักษาแต่เนิ่นๆ” เสียงอีกป้าหนึ่งตัดพ้อ “วันก่อนเราก็ถามหมอพรทิพย์ว่าแล้วจะให้เราทำอย่างไง หมอบอกว่าย้ายไปอยู่ที่อื่น”
เสียถอนหายใจพร้อมๆ กัน “แล้วจะให้เราไปอยู่ที่ไหน” เป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้
วันนี้เหมืองทองเปิดอีกครั้ง ขณะที่ชาวบ้านรอบๆเ หมืองกว่า 6 พันคนยังคงใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะยังไม่ได้รับการตรวจและไม่รู้ว่าในร่างกายจะมีสารโลหะหนักอะไรอยู่บ้าง
ทำไงได้ในเมื่อชีวิตชาวบ้านถูกตีค่าต่ำกว่าทอง เขาถึงยอมให้เสียงระเบิดดังต่อไป โดยข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านประสบไม่ต้องรอพิสูจน์
เสียงถอนหายใจของเหล่าป้าๆ และคำถามมากมายยังก้องอยู่ในหูผม
“เฮ้อ..” ขอถอนหายใจสักเฮือกใหญ่เถอะครับ
—————-
โดย ภาสกร จำลองราช
—————-





