เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2558 คณะศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันจากชมรมค่ายอาสาพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จำนวนประมาณ 10 คน เข้าเยี่ยมคารวะศาสตราจารย์(ศ.)ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมก.เพื่อร่วมให้กำลังใจหลังมีข่าวกรณีที่ ศ.ระพี ขอถอนชื่อออกจากมหาวิทยาลัยฯ เนื่องจากเห็นว่าอุดมการณ์ที่เคยก่อนตั้งกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากที่ 3 บูรพาจารย์เคยวางแนวทางเอาไว้ นอกจากนี้ผู้บริหารมก.ยุคปัจจุบันยังมีการเตรียมนำมก.ออกนอกระบบซึ่งศ.ระพีไม่เห็นด้วย ทั้งนี้เคณะศิษย์ได้มอบช่อดอกไม้และยืนยันจะยอมรับในการตัดสินใจของศ.ระพีโดยไม่มีเงื่อนไข
ศ.ระพี กล่าวว่า ในเมื่อการทำหน้าที่ของสถาบันการศึกษา กลายเป็นพื้นที่กอบโกยผลประโยชน์ ภาษีของประชาชนที่จ่ายไปย่อมไม่ได้จ่ายเพื่อการสร้างสรรค์สังคม หรือสร้างองค์ความรู้แก่คนรุ่นหลังเหมือนในอดีต เช่น กรณีการเปิดสหกรณ์ออมทรัพย์ทุกวันนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้คนมีฐานะมากู้เงินไปใช้ แล้วเปิดโอกาสให้คนจนเป็นหนี้จำนวนมากจนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ส่วนคณะบริหารก็วางอำนาจใหญ่โต สั่งการวางยุทธศาสตร์เพื่อกอบโกยอย่างโลภ ตนจึงมองว่า หากมหาวิทยาลัยจะเป็นเสาหลักของประเทศ หรือจะทำหน้าที่ในการเป็นองค์กรที่ให้ความรู้ ต้องทบทวนและเปลี่ยนบทบาทตัวเองใหม่
“ผมบอกหลายคนที่เป็นลูกศิษย์ว่า หากมีโอกาสได้เข้าเรียน หรือเข้าทำงาน ให้เคารพคนที่มีประสบการณ์จากชีวิตจริง ไม่ใช่เคารพคนจบสูง มีเงิน มีอำนาจ หากมีโอกาสเจอหรือสัมผัสผู้บริหาร ให้เลือกผู้ริหารพันธุ์ดี คือคนที่ดีต้องโตมาจากการเรียนรู้ระดับล่างสู่บน ซึ่งงานด้านการเกษตรนั้น หากใครจะทำวิชาการด้านการเกษตร ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำงานระดับติดดินได้ ไม่ใช่อ้างแค่ความรู้เมืองนอก เน้นนานาชาติ อ้างตำราที่ตัวเองอ่านมาแล้วมาทำงาน เพราะในชีวิตจริงต้องอยู่กับคนมากกว่าตำรา แล้วอย่าลืมว่าความรู้ดิ้นได้ เปลี่ยนได้ ผมจึงมั่นใจว่าตอนนี้หากจะดำเนินการใดให้ตัวเองและคณะศิษย์ที่เขาเชื่อมั่นในเราสบายใจ ผมถอยออกมายืนแบบติดดินดีกว่า โดยวางแผนว่าต่อจากนี้จะเตรียมระดมข้อมูล และจัดกลุ่มเด็กค่ายอาสาแต่ละรุ่นมาทำงานในแบบชมรมของคนที่ทำงานด้วยใจจริง อาจมีไม่มักมาก และต้องเคารพเกษตรกร เคารพเสาหลักของประเทศ เคารพความรู้ นักวิชาการเท่าๆกัน ใครมีความรู้ มีประสบการณ์มาก มีบุญคุณมากก็คืนความหวังดีให้คนกลุ่มนั้น” ศ.ระพี กล่าว
นายธีระศักดิ์ กลัดศรี นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ มก. รุ่นที่ 72 และคณะกรรมการชมรมค่ายอาสาฯ คนปัจจุบัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ยินข่าวอาจารย์มามาก ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเยี่ยมอาจารย์และพูดคุยเป็นการส่วนตัวมากนัก แต่ก็ได้ประชุมวางแผนการสร้างค่ายอาสามาโดยตลอด ทุกปี ศ.ระพีจะลงพื้นที่ด้วยเสมอ พอมารู้ข่าวว่าขอถอนชื่อออกก็ใจหาย เป็นกังวลว่าอาจารย์จะถอนตัวจากชมรม แต่ดีใจที่อาจารย์ยังช่วยเหลือและร่วมลงพื้นที่ทุกครั้ง เมื่อเร็วๆ นี้ได้ไปค่ายที่จังหวัดฉะเชิงเทราด้วยกันพร้อมอาจารศ.ระพี ซึ่งได้ให้ข้อคิดหลายอย่าง คอยเตือนไม่ให้ศิษย์เดินหลงทางของผู้ศึกษา แต่ให้หาความรู้จากคนทุกระดับชั้น
“ผมเป็นคนรุ่นหลัง ผมไม่รู้ผลงานที่ผ่านมาอาจารย์ ทำอะไรบ้าง มากมายแค่ไหน แต่พอมาเจออาจารย์อายุขนาดนี้ ยังยอมลงพื้นที่เข้าค่ายอาสา ค่ายก่อสร้าง เราก็ชื่นใจ ดีใจที่ครั้งหนึ่งมหาวิทยาลัยมีผู้บริหารอย่างท่าน แม้ผมเสียใจมากที่ต่อไปอาจารย์จะขอลบชื่ออกจากสถาบัน แต่ผมเชื่อว่า ลบชื่ออาจารย์ออกจากชมรมไม่ได้ ชื่อของท่านยังอยู่ในใจของเราและยังเป็นอาสาสมัครรุ่นใหญ่ที่ผมและเพื่อนๆ ไม่คิดจะลืม ผมอยากให้ท่านเป็นที่ปรึกษาชมรมแบบนี้ไปนานๆ” นายธีระศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ในตอนท้าย ศ.ระพีได้มอบของที่ระลึกเป็นหนังสือเรื่อง เกษตรกรที่รัก แก่คณะศิษย์ โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่จัดพิมพ์ขึ้นในงานครบรอบ 86 ปีของศ.ระพี ที่เขียนเพื่อนำเสนอถึงความรู้สึกและสาระที่เกี่ยวกับชีวิตของเกษตรกรอันเป็นผู้มีบุญคุณของชาติ ซึ่งศ.ระพีเคารพและคิดว่าประเทศไทยควรยกย่องอาชีพนี้
////////////////