ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสคุยกับหนุ่มเมืองเพชรรายหนึ่งทางโทรศัพท์ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในคุกเล็กๆแห่งหนึ่งบนเกาะเบนจินา ประเทศอินโดนีเซีย โดยได้เบอร์โทรศัพท์มาจากคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย
เขาค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก เพราะสถานการณ์ของลูกเรือประมงไทยที่นั่น “ตาย” ได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะคนที่ออกมาเปิดโปงความจริง
ลูกเรือรายนี้มีถิ่นฐานอยู่อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี หลังจากจบ ม.6 แล้ว ก็ไปทำงานด้านช่าง จนมีความเชี่ยวชาญจึงไปสมัครเป็นผู้ช่วยเอ็นจีเนียบนเรือประมงขนาดใหญ่ลำหนึ่งซึ่งมีลูกเรือราว 30 คน โดยบริษัทสัญญาว่าจะจ่ายเงินเดือนให้ 9,000 บาท และส่วนแบ่งจากการขายปลาที่คิดเป็นเปอร์เซ็นอีกจำนวนหนึ่ง
เขาเดินทางออกจากท่าเรือในอำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม 2556 แต่แล้วสิ่งที่เขาประสบกับไม่เหมือนที่นายจ้างบอกไว้เลย
“สภาพบนเรือที่ผมทำงาน และเรืออื่นๆที่ผมเห็น มันเลวร้ายมาก บางคนถูกหลอก บางคนไม่เคยขึ้นเรือมาก่อน ร่างกายไปไม่ไหว แต่เขาก็บังคับให้ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน แทบจะไม่มีวันพักผ่อน เรือส่วนใหญ่หาปลาอยู่กลางทะเล 2 เดือน และเข้าฝั่งเอาปลาไปส่ง 5 วัน คนงานได้พักจริงๆแค่ 2 วัน” หนุ่มเมืองเพชรถ่ายทอดสภาพการณ์
เมื่อถามว่าเมื่อเลวร้ายขนาดนั้น ทำไมถึงไม่กลับเมืองไทย เขาบอกว่าลูกเรือจำนวนมากที่คิดจะกลับ แต่ก็กลับไม่ได้ หากไต๋เรือไม่ยอมและไม่มีญาติแจ้งความประสงค์ผ่านเถ้าแก่เรือ โดยลูกเรือจำนวนมากไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้องที่เมืองไทยได้
“เครียดมากๆครับ บางคนเครียดจัดถึงกับกระโดดทะเลฆ่าตัวตาย บางคนถูกซ้อมจนสติฟั่นเฟือน บางคนเสียชีวิตก็ถูกนำไปฝังบนบก มีอยู่คนหนึ่งอายุ 50 ปีต้นๆ ต้องตายเพราะร่างกายทำงานไม่ไหว ไต๋ให้พวกเราเอาศพไปฝังกันเองโดยไม่ได้แจ้งญาติหรือมีพิธีใดๆทางศาสนาเลย” ลูกเรือรายนี้เล่าถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้น
“ผมเองก็ตั้งใจว่าพอเรือเข้าฝั่งเที่ยวนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว แต่เรือดันมาโดนจับก่อน” เขาบอกถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ แต่ช้าไปเสียแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเขาถูกจับตัวไปคุมขังในคุกแห่งหนึ่งในข้อหาที่เขาขอไม่ให้เปิดเผย “ขณะนี้มีเรือไทยจำนวน 49 ลำถูกทางการอินโดฯจับไว้หลังจากเขาปิดน่านน้ำ มีลูกเรือประมงไทยตกค้างอยู่ที่นี่ 400-500 คน พวกเขาต้องการกลับบ้านเกือบทั้งนั้น”
คุกที่เขาถูกนำไปขังเป็นของเอกชนโดยความร่วมมือของทางการที่นำลูกเรือซึ่งไต๋ตัดสินว่ากระทำความผิดไปคุมขังไว้ก่อน ซึ่งหนุ่มเมืองเพชรผู้โชคร้ายรายนี้ติดมาแล้ว 2 เดือนกว่า
“ผมเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังกงสุลไทย แต่ไม่ได้รับการติดต่อมา อาจเป็นเพราะโทรศัพท์ของผมใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง”
เมื่อถามถึงความต้องการเร่งด่วนที่เขาต้องการให้ช่วยเหลือในตอนนี้ เขาบอกว่า อยากให้ช่วยเอาตัวเขาและเพื่อนๆออกจากคุกเป็นการด่วน เพราะรู้สึกถึงอันตรายที่เฉียดใกล้เข้ามาทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการออกมาเปิดโปงความจริง
“ตอนนี้มีความเคลื่อนไหวจากคนที่ไม่หวังดี เขาไม่อยากให้ข้อเท็จจริงถูกเปิดเผย เมื่อคืนนี้ลูกเรือบางคนถูกข่มขู่ เลยไม่มีใครกล้าออกมาพูดอะไรมาก บนเกาะแห่งนี้ไม่มีสถานที่ของทางการที่จะช่วยคุ้มครองหรือยืนยันความปลอดภัยของพวกเราได้ ผมกลัวว่าหากรัฐบาลไทยไม่รีบส่งคนเข้ามา พวกผมจะถูกนำตัวไปไว้ที่อื่นและถูกทำให้หายไป”
—————
ขอบคุณภาพจากคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชยและLPN
////////////////