เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2558 นายศักดิ์ชัย จุลทั้งสี่ ชาวบ้านชุมชนราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า วันนี้ตัวแทนชาวบ้านได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจตำบลฉลอง อำเภอเมืองเพื่อเอาผิดกลับกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งนั่งรถกระบะ 3 คัน เข้าล้อมชุมชนและข่มขู่ชาวบ้านเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ทั้งจะทำร้ายร่างกายและขู่เอาชีวิต โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ได้เข้ามาใกล้ๆ กับบริเวณบ้านของชาวเลที่ถูกนายทุนบังคับให้รื้อถอน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า กลุ่มชายนิรนามทั้งหมดนั้นเป็นชายที่นายทุนในพื้นที่สั่งงานมาให้ขู่ชาวบ้านให้กลัวแล้วยอมออกจากชุมชน
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ชุมชนหาดราไวย์กำลังเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ชาวบ้านบางกลุ่มก็ตั้งวงเจรจาเตรียมความพร้อมเรื่องการรับมือแผ่นดินไหวและสึนามิ หลังจากหลายพื้นที่ในภาคใต้เกิดแผ่นดินไหว สั่นสะเทือนชุมชนเป็นครั้งคราว แม้จะเป็นสถานการณ์ไม่รุนแรง แต่ทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจในการเตรียมความพร้อม ไม่มีใครคิดว่าช่วงนี้นายทุนจะฉวยโอกาสเข้ามาดำเนินการยึดที่ดินต่อเนื่อง ชาวบ้านจึงเกิดความระแวงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและต้องการให้เรื่องดังกล่าวได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
“การมาของกลุ่มคนกลุ่มนี้ เขาต้องการมาสร้างกำแพงกั้นอาณาเขตที่ดิน ที่อ้างกรรมสิทธิ์ เพื่อไม่ให้เห็นชุมชนชาวเลราไวย์ ที่อยู่มาก่อน โดยต้องการจะปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยเร่งขนอุปกรณ์ก่อสร้างเข้ามาแล้วพยายามจะครอบครองที่ดินโดยเร็วที่สุด ชาวบ้านกังวลว่าจะสูญเสียที่ดิน จึงได้แจ้งความไว้แล้ว โดยช่วงนี้นายทุนจะเล่นทีเผลอ ระหว่างที่ชาวบ้านส่วนมากออกไปหาปลากลางทะเล แต่ครั้งนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเพราะนอกจากจะเร่งรัดการไล่รื้อแล้ว ยังมีการข่มขู่ชาวบ้านบ่อยด้วย” นายศักดิ์ชัยกล่าว
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวล่าสุด พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล ได้รับทราบข่าวจากชาวบ้านแล้ว และอยู่ระหว่างการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหา
อนึ่ง ที่ดินชุมชนหาดราไวย์ในหลายแปลงอยู่ระหว่างการฟ้องร้องในศาลและขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์ โดยชาวเลยืนยันว่าเป็นชุมชนดั้งเดิมที่อยู่กันมานาน แต่มีการนำเอาที่ดินไปออกเอกสารสิทธิ์โดยที่ชาวบ้านไม่ทราบมาก่อน และทางดีเอสไอได้ทำการตรวจดีเอ็นเอจากโครงกระดูกที่ขุดพบโดยผลออกมายืนยันถึงความเก่าแก่ของชุมชน ทั้งนี้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกมาครั้งนี้มาด้วยกันราว 50 คน ซึ่งคาดว่าเป็นไปตามคำสั่งของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งที่ต้องการที่ดินผืนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณนี้มีประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือเมื่อปี 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาตรวจเยี่ยมชุมชนชาวเลหาดราไวย์และทรงยืนที่ชายหาดบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณนี้ยังเป็นหลุมเพลาะของทหารญี่ปุ่น
////////////////////
