เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ระหว่างการจัดสัมมนาเรื่อง “สิทธิชุมชนและสิทธิการพัฒนา : จากความรู้สู่ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์” ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. ชาวบ้านหมู่ 4 และหมู่ 7 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมต่อ กสม. กรณีได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเวนคืนที่ดินในหมู่บ้านของพวกตนกว่า 2 พันไร่ ซึ่งชาวบ้านต่างไม่ทราบเรื่องกันมาก่อน ต่อมาวันที่ 21 พฤษภาคม ทางอำเภอได้นัดหมายชาวบ้านให้มาร่วมประชุมกว่า 100 คน โดยมีปลัดอาวุโสเป็นประธาน ซึ่งผู้แทนกรมโยธาธิการได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบถึงการเวนคืนที่ดินโดยเปิดแผนที่ของตนเอง ชาวบ้านหลายคนถึงได้รู้ว่าที่ดินของตัวเองถูกเวนคืน และรู้สึกตกใจ
ชาวบ้านกลุ่มนี้กล่าวว่า เมื่อทราบแนวการเวนคืนที่ดิน ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างคิดอะไรไม่ออกเพราะไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าที่ดินซึ่งอยู่อาศัยและทำกินกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายจะถูกยึด จึงได้ร่วมหารือกันเพื่อขอความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือดูแลชาวบ้านทั้งๆ ที่ชุมชนได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะเมื่อมีเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งมีอาวุธครบมือเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปกันหมด
“พวกเรารู้สึกตกใจ เสียใจ และร้อนใจเป็นอย่างมาก พวกเรารู้สึกสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อตั้งสติได้ก็ตกลงกันว่าต้องร้องทุกข์มายังกสม.” ชาวบ้านกลุ่มนี้กล่าว
ทั้งนี้ในหนังสือร้องทุกข์ที่ส่งมายังกสม.ระบุ 1. ชาวบ้านไม่เข้าใจคำพูดของผู้ว่าราชการจังหวัดตากที่ประกาศว่าพื้นที่เขตตำบลท่าสายลวด โดยเฉพาะหมู่ 4 และ 7 เป็นพื้นที่รกร้าง ไม่มีการทำกิน ทั้งๆ ที่ชาวบ้านอาศัยกันมาชั่วนาตาปี ชาวบ้านไม่ทราบว่าเจตนาของผู้ว่าฯ ที่พูดออกมาคืออะไร 2. เรื่องการเวนคืนที่ดินของชาวบ้าน ไม่มีหน่วยงานหรือส่วนราขการใดๆ มาบอกกล่าวหรือสอบถามชาวบ้านเลย
3.การกำหนดเขตที่ดินจุดเวนคืน ชาวบ้านไม่เข้าใจเลยว่าใครเป็นผู้กำหนด เพราะสงสัยว่าพื้นที่ที่ถูกเวนคือส่วนใหญ่เป็นที่ดินของชาวบ้านที่อาศัยมาดั้งเดิม ส่วนของนายทุนและเศรษฐีแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย 4. พื้นที่ที่เหมาะสมและเป็นทางเลือกก็มีอยู่แต่กลับมาเบียดบังและรังแกชาวบ้าน
“เศรษฐี นายทุน นักธุรกิจ เขามีเงินมีทองมีทุนเหลือกินเหลือใช้ ไม่ได้รับผลกระทบ แต่ชาวบ้านยากจน แค่พอกินพอใช้ แถมมีหนี้สินซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รัฐกลับใจดำ ตัดมือตัดแขน เชือดคอพวกเรา เพื่อสนองความต้องการของเศรษฐีและนายทุนเพียงไม่กี่ราย” ในหนังสือร้องเรียนระบุ
นายสุนทร ศรีบุญมา ชาวบ้านวังตะเคียน ตำบลท่าสายลวด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน กล่าวว่า ตนมีที่ดินอยู่ 15 ไร่ซึ่งเป็นที่ทำไร่ทำนา โดยเสียภาษีดอกหญ้าทุกปี แต่วันดีคืนดีกลับถูกเวนคือโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และรัฐบอกว่าจะให้ค่าชดเชยไร่ละ 7,000-12,000 บาท ขณะที่ราคาซื้อขายทั่วไปตกประมาไร่ละ 7-8 แสนบาท
“พวกเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราเคยเสียสละตอนสร้างสะพานข้ามไปพม่ามาแล้ว ครั้งนั้นหลายคนก็ยอมเสียพื้นที่โดยไม่ได้อะไร ชาวบ้านที่เหลือก็เก็บที่ดินเอาไว้ ไม่ยอมขาย เพราะหากขายก็สบายไปแล้ว แต่เราต้องการเอาไว้ทำมาหากิน แต่จู่ๆ รัฐบาลกลับมายึดคืน และยังไม่บอกเลยว่าจะให้พวกเราไปอยู่ที่ไหน” นายสุนทร กล่าว
///////////////////
