วันที่ 16 มิ.ย.ซึ่งตรงกับวันแม่บ้านสากล เครือข่ายแรงงานทำงานบ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ หรือมูลนิธิแมพ ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เรียกร้องให้คุ้มครองสิทธิแรงงานที่ทำงานเป็นแม่บ้านให้เท่าเทียมกับแรงงานในสาขาอาชีพอื่นๆ
เครือข่ายแรงงานทำงานบ้านในจังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 5 ข้อ คือ 1.ขอให้รัฐบาลมีนโยบายคุ้มครองแรงงานทำงานในบ้านตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานโดยไม่มีข้อยกเว้น และให้ได้รับค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ 2.ขอให้รัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวด โดยให้นายจ้างทุกคนที่นำเข้าแรงงานข้ามชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงเรื่องการคุ้มครองแรงงานทำงานบ้านอย่างจริงจัง 3.มีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อให้แรงงานทำงานบ้านสามารถเข้าระบบประกันสังคมได้ 4.รัฐบาลออกกฎกระทรวงให้แรงงานทำงานบ้านที่ตั้งครรภ์สามารถลาคลอดได้ 90 วันโดยไม่หักเงิน อีกทั้งกำหนดให้นายจ้างต้องจัดหางานที่เหมาะสมให้กับลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ และ 5. เรียกร้องรัฐบาลเพิ่มอาชีพแม่บ้านเข้าในอนุสัญญา ILO
หนึ่งในตัวแทนของเครือข่ายแรงงานทำงานบ้านในจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า ที่ได้ออกมายื่นหนังสือต่อรัฐบาลในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้แรงงานที่ทำอาชีพแม่บ้านได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคนทำงานอาชีพอื่นๆ ตามกฎหมาย และเรียกร้องให้นายจ้างกำหนดวันหยุดให้ 1 วันต่อสัปดาห์ และให้แม่บ้านหยุดในวันหยุดราชการได้โดยไม่หักเงิน โดยยังเรียกร้องกำหนดให้แม่บ้านทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเท่านั้น โดยหากเกินกว่านั้น นายจ้างต้องจ่ายค่าแรงเพิ่ม เป็นต้น
แม้แรงงานที่ทำงานบ้านเป็นแรงงานที่มีบทบาทในการสร้างรายได้และเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน และระบบเศรษฐกิจภาพรวม แต่ก็ยังพบว่า แรงงานกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับการคุ้มครองเท่าที่ควร เช่น มีชั่วโมงทำงานที่ยาวนาน ไม่ได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ได้รับค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขาดอิสรภาพในการติดต่อกับสังคมภายนอก และถูกล่วงละเมิดทางร่างกายและจิตใจ ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่มีแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนอาศัยอยู่หลายแสนคน ส่วนใหญ่ทำงานในภาคเกษตร ก่อสร้างและเป็นแรงงานทำงานบ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิแมพ/เว็บไซต์ข่าวไทใหญ่ www.panglong.org