Search

“ม.ร.ว. อคิน”เตือนคนจนกรุงฯ ระวังการพัฒนา แนะควรเข้มแข็ง ด้านตัวแทนคณะละครดังชุมชนนางเลิ้ง ร้องให้หน่วยงานช่วยพยุงชีพจรละครชาตรี หวังดันเป็นองค์ความรู้แก่คนรุ่นใหม่

received_455200437974189

“เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2558 ที่ป้อมมหากาฬ กรุงเทพฯ มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ จัดกิจกรรมเสวนาสาธารณะของคนย่านเก่าเมืองกรุงเทพเรื่อง “ชีพจรยังสั่นไหวที่ตรอกละครชาตรี นางเลิ้ง” โดยมี รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ที่ปรึกษามูลนิธิฯ เป็นประธานกล่าวเปิดงานและนิทรรศการต่างๆ ของชุมชนเก่าแก่นางเลิ้ง และชุมชนรอบๆ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมหลายฝ่ายทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ชาวบ้านย่านตรอกนางเลิ้งรวมทั้ง นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา ทั้งด้านโบราณคดี ด้านสังคม ฯลฯ ประมาณ 60 คน

received_455200441307522

ทั้งนี้สำหรับบรรยากาศการจัดงานประกอบไปด้วยการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น โต๊ะสาธิตการตกแต่งชุดละครชาตรี การแสดงละครชาตรีเรื่อง “ไกรทอง” ของคณะละครลูกหลานครูพูน เรื่องนนท์ ที่มีชื่อเสียงการแสดงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 มุมขนมไทยโบราณจากยายหงส์ มุมหนังสือและที่ระลึกในชุมชนป้อมมหากาฬ นางเลิ้ง ฯลฯ

received_455200431307523

รองศาสตราจารย์ศรีศักร กล่าวในการเปิดงานว่า ในการเป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการรณรงค์ให้ชุมชนเก่าๆ อย่างย่านนางเลิ้ง เป็นที่รู้จักของสาธารณะนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่การจัดนิทรรศการต้องไม่ใช่แค่ในตำรา หรือแค่ในเนื้อหาทางเทคโนโลยีต่างๆ แต่ชุมชนต้องมีความรู้ มีการใช้ชีวิตจริงๆ หากจะกล่าวไปแล้ว บางก็จะหาว่าเหมือนกับโลกสวย ดัดจริต แต่ตนยืนยันว่า โลกสวยมีจริง แต่ดัดจริตนั้นไม่ใช่ เพราะชุมชนนางเลิ้งไม่ได้ปรุงแต่ง เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตจริงๆ จะเห็นว่าการแสดงละครชาตรีและการแสดงประเภทต่างๆ ที่มีการพัฒนามาแต่ละยุคสมัย มีการดำรงไว้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะจบลงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับชุมชนทั้งนั้น โดยหลังจากนี้สิ่งที่ชุมชนนางเลิ้งและชุมชนโดยรอบต้องทำ คือ สานต่อความรู้ที่มีอยู่แล้วให้แพร่กระจายไปอีกเพื่อให้คนนอกรู้จัก

ม.ร.ว. อคิน รพีพัฒน
ม.ร.ว. อคิน รพีพัฒน์

“คือทุกวันนี้คนร้อยพ่อ พันแม่เข้ามาในไทยบางคนเป็นต่างชาติที่ไม่มีความผูกพันอะไรกับไทยเลย เขาแค่เข้ามาสร้างเงิน สร้างฐานะ หรือที่เราเปรียบเทียบว่าเขาเข้ามาขุดทอง พวกนี้ถ้าเข้ามาที่ไหน ชุมชนไม่เข้มแข็งพอ ชุมชนนั้นๆ จะถูกกลืนกิน เขาไม่สนใจหรอกว่าอะไร อย่างย่านการท่องเที่ยวที่ดังๆ เขาเข้ามาแล้วเขาไม่รู้ว่าชุมชนมีอะไรดี มีจุดเด่นอะไร คนในชุมชนละเลย ไม่แสดงออกซึ่งความสำคัญของตนเอง เขาก็ทำลายได้ แต่ถ้าเราแสดงออก ถ้าเรามีดีเราต้องงัดมันออกมาให้เขาเห็นว่า พวกเขาแค่คนนอก ถ้ารับในความเป็นชุมชนไม่ได้เขาอยู่ยาก เขาก็จากไปเอง ผมอยากฝากไว้ให้เราเข้มแข็ง” รองศาสตราจารย์ศรีศักร กล่าว

received_455200401307526

นางจารุวรรณ สุขสาคร : คณะละครชาตรี “จงกล โปร่งน้ำใจ” กล่าวในงานเสวนา “ชีพจรยังสั่นไหวที่ตรอกละครชาตรี นางเลิ้ง” ว่า ขณะนี้แม้ละครชาตรีจะไม่เป็นที่นิยมทั่วไทยเหมือนอดีต แต่ก็มีพัฒนาการในด้านการศึกษามากขึ้น โดยภายหลังการประกาศของสภาวัฒนธรรมเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ละครชาตรีก็กลายเป็นที่รู้จักในวงการการศึกษา โดยทางชุมชนมีการเรียนการสอนเยาวชนที่เป็นเด็กเล็ก และวัยมัธยม จนบางคนสามารถสอบเข้าระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเกี่ยวกับนาฏศิลป์ได้ สะท้อนว่า ลมหายใจของละครชาตรียุคโบราณยังมีอยู่บ้าง แม้ไม่เฟื่องฟูเหมือนอดีต แต่ยังมีมุมเล็กให้ครูสอนละครชาตรียังคงทำงานที่รักได้ โดยไม่จางหาย ในอนาคตไม่แน่ใจว่าใครจะรักษาต่อไป แต่ก็ภาวนาให้นางเลิ้งไม่ล่มสลาย

ด้านนางสุภาภรณ์ ฤกษะสาร หลานครูพูน เรืองนนท์ ในฐานะผู้สืบทอดวัฒนธรรมโบราณ กล่าวว่า ชุมชนนางเลิ้งและชุมชนย่านป้อมมหากาฬ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดดจากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อความสะดวกเข้ามายังเมืองกรุงประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ยังไม่เคยอิ่มตัวทางการพัฒนา ทุกวันนี้มีความสะดวกในการจัดหาอุปกรณ์ มีความสะดวกเรื่องการเดินทางเชื่อมระหว่างเมืองหนึ่งสู่อีกเมือง แต่ละครชาตรีกลับมีตัวละครน้อยลง ไม่เหมือนในอดีตที่คณะละครต้องแจวเรือข้ามวัน ข้ามคืน กว่าจะถึงจุดแสดงละครก็มีเวลาซ้อมบทหลายครั้ง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ ขณะที่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่พยายามจะลืม และประเทศไทยเองก็คิดโครงการพัฒนามากมายจนไม่อยากจะเก็บแม้กระทั่งชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีวัฒนธรรมเข้มแข็ง แม้สถานการณ์ขณะนี้ละครชาตรีทำได้แค่แสดงในงานรื่นเริงกับรำแก้บนก็ตาม แต่ในทางวิชาการก็มีการศึกษา รวบรวมข้อมูล และติดตามการทำงานของครูละครเก่าแก่ต่อเนื่อง สะท้อนว่าชุมชนนางเลิ้ง ป้อมมหากาฬ และชุมชนอื่นๆ ที่มีวัฒนธรรมคล้ายกันในกรุงเทพ เข้มแข็งพอจะรักษา ขอแค่ฝ่ายบริหารไม่ทำลายโดยการพยายามนำโครงการพัฒนาเข้ามาก็พอ

นายพินิจ สุทธิเนตร ตัวแทนคณะโขนบ้านนราศิลป์ กล่าวว่า ดูเหมือนว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีการพัฒนาโดยพยายามลบความเก่าแก่ของชุมชนออก อย่างโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นแถวหลานหลวงก็มีแนวโน้มจะเวนคืนที่ชาวกรุงเก่า ทั้งที่ประเทศเจริญอย่างญี่ปุ่น ไม่เคยมีการไล่รื้อหรือลบความเป็นญี่ปุ่นในเมืองเกียวโต ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า การทำของไทยนั้นเป็นการทำแบบเร่งรีบจนเกินไป โดยกระทรวง หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงก็ไม่มีการคัดค้าน กรณีที่การเวนคืน หรือการวางแผนพัฒนานั้นจะกลืนวัฒนธรรมชุมชน

“คือนางเลิ้งนั้น ไม่ใช่วัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตที่จับต้องไม่ได้ เหมือนอย่างที่รัฐกล่าวอ้างนะ เช่น กรณีวัดแคนางเลิ้ง นั้นเป็นวัดใจกลางที่ท่องเที่ยวแห่งเดียวที่ไม่ใช่วัดหลวง ซึ่งยังคงบริการประชาชน มีเมรุเผาศพ และอนุญาตให้คนธรรมดาในชุมชนนางเลิ้งและใกล้เคียงใช้ประโยชน์ได้ ส่วนวัดอื่นๆ ที่เป็นวัดหลวง จะมีการบริการเฉพาะข้าราชการ หรือบางแห่งก็บริการแบบเลือกกลุ่ม โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว การเผาศพคนธรรมดาเป็นเรื่องที่ยังไม่ควรทำในวัดหลวง แต่วัดแคนางเลิ้งยังมีมุมเล็กอยู่ และคนใช้ประโยชน์จริงๆ ผมว่าไทยน่าจะทบทวน จะสร้างห้าง สร้างถนน สร้างรถไฟฟ้า หรือสร้างอะไรก็แล้วแต่ มีวิธีอื่นที่ไม่ต้องไล่คนเก่าแก่ แต่น่าแปลกที่การไล่รื้อมักจะเกิดกับชุมชนแออัด โดยการอ้างว่า คนอาศัยนั้นส่วนมากเป็นคนต่างจังหวัด ทั้งๆที่การอพยพของคนต่างจังหวัดเข้ามากรุงเทพมีมานาน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว เชื่อว่าไม่ใช่ข้ออ้างที่เหมาะสม ผมอยากให้เก็บย่านกรุงเก่าไว้ต่อไป และผมเชื่อว่าหากวัฒนธรรมเข้มแข็งหน่วยต่างๆ เข้ามาดูแล มันจะไม่จางหายไปไหนไกล” นายพินิจ กล่าว

ขณะที่นางประทับใจ สุนทรวิภาต ครูชมรมนาฎศิลป์โรงเรียนวัดสิตาราม กล่าวว่า ปัจจุบันทางโรงเรียนเปิดสอนการรำ ร้องละครชาตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากครูละครย่านนางเลิ้งไปเป็นวิทยากรให้โดยไม่เสียค่าจ้าง ซึ่งมีทั้งนักเรียนในชุมชน และลูกหลานของแรงงานข้ามชาติ พม่า ลาว กัมพูชา เข้ามาศึกษา สะท้อนว่าเด็กๆ รุ่นใหม่ไม่ได้ละเลย ที่สำคัญ มีโอกาสเผยแพร่สู่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย ไทยน่าจะส่งเสริมเพื่อต่อลมหายใจให้ละครชาตรีต่อไป

ม.ร.ว. อคิน รพีพัฒน์ ที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวในการอภิปรายเรื่อง ความสำคัญของประวัติศาสตร์สังคมต่อคนกรุงเทพฯ ว่า เชื่อว่าสังคมคนกรุงขณะนี้กระหายความเจริญจนลืมรากเหง้า หลายพื้นที่ต้องยอมหาย ยอมจบชุมชนลงเพื่อการเกิดขึ้นของกรุงยุคใหม่ แต่สังคมที่ลืมรากเหง้านั้นจะไม่มีวันปะติดปะต่อประวัติศาสตร์และความทรงจำที่ดีในอดีตได้ ประวัติศาสตร์ทุกวันนี้จารึกแค่ในหนังสือ บังคับคนเรียนไม่ได้ มันต้องจำในหัวเอาเอง แต่ความโลภของทุนนิยม มันรุกคืบจนน่ากลัว ทำให้หลายชุมชนเก่าๆ ไม่มีตึกสูงเริ่มล่มสลายไป เพียงเพราะชุมชนแออัดกับสังคมยุคใหม่นั้นไม่ทำงานร่วมกัน

ม.ร.ว. อคิน กล่าวด้วยว่า การไล่รื้ออันตรายและโหดร้ายมาก ในอดีตนั้นการไล่รื้อของภาครัฐ เช่น ชุมชนย่านสะพานขาว ที่ติดกับนางเลิ้ง เมื่อปี 2511 ทางการเขาส่งคนมาเจรจากับคนรวยที่มีบ้านต่างจังหวัดให้ย้าย เพราะเขาจะสร้างความเจริญ แล้วคนรวยก็ได้เงินไป โดยสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือว่าเป็นเจ้าของที่ดินในกรุงเทพฯ มากที่สุด ก็จะใช้วิธีการแบ่งที่ดินขาย เช่าให้คนมาลงทุน ส่วนทางการก็มีอำนาจในการทำลายชุมชน โดยเมื่อเจรจากับคนรวยแล้ว เหลือคนจน เขาก็จ้างคนมาเผาชุมชน เอารถ เอาเครื่องจักรมาทำลายบ้านเก่าๆ โดยอ้างความเสื่อมโทรม ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ ก็ยังมีอยู่บ้างกรณีเผาไล่ที่ แต่ท่าทีของสำนักงานทรัพย์สินดีขึ้น เมื่อมีคนคัดค้าน อย่างกรณีชุมชนนางเลิ้งนั้น เดิมเขาจะรื้อโรงหนังเก่าออกทำลานจอดรถ ชาวบ้านเข้มแข็งดีก็ค้านไว้ได้ ต่อมาสำนักทรัพย์สินฯ ก็เปลี่ยนการบริหาร โดยแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งสำหรับการสร้างอาคารใหญ่ คอนโด ตึกพาณิชย์ และส่วนหนึ่งอนุรักษ์เพื่อนการท่องเที่ยว แต่ปัญหาคือ ไม่มีหน่วยงานอื่นเข้ามาเสริม เมื่อชุมชนไม่มีการเดินหน้าต่อ สะท้อนว่าชุมชนอ่อนแรง เมื่ออ่อนแรงลง นายทุนก็จ้องจะทำลาย จึงอยากเตือนให้ชุมชนนางเลิ้งระวังไว้ และให้เข้มแข็งเหมือนครั้งต่อสู้เรื่องโรงละคร

“ปัญหาที่ดินมันมีทั่วประเทศนะ แต่คนกรุงจะแย่หน่อย เพราะคนจนเมืองในสลัม คนรวยเขารังเกียจ แต่ถ้าเขามาเห็นละครชาตรี มาเห็นร้านอาหาร มาชิมขนมอร่อย เขาอาจเปลี่ยนใจได้นะ เมื่อก่อนนางเลิ้งนั้นเป็นตลาดสด มีชุมชนเก่าๆ อยู่มากมาย มาใช้บริการตลาดสด แต่พอทางการเขารื้อชุมชนย่านสะพานขาว นางเลิ้งก็แย่ ไม่มีใครมาซื้อของ ก็ต้องหดตัวเหลือแค่ร้านอาหารให้คนผ่านไปมา มาซื้อกิน บางคนก็ขายกล้วยทอดตอนไฟแดง ตำรวจเขาก็ห้าม เห็นชัดว่าพอชุมชนมีส่วนขาดหายไปส่วนใดส่วนใดส่วนหนึ่งมันอันตรายนะ ผมไม่อยากให้หัวใจสำคัญของกรุงเก่าหายไปอีก ผมถึงบอกว่า สำนักทรัพย์สินก็ควรจัดการให้ดี ส่วนกรมอื่นที่ดูแลด้านวัฒนธรรมก็ควรทำหน้าที่อย่านิ่งเฉย เดี๋ยวจะแย่กันหมด” ม.ร.ว. อคิน กล่าว

////////////////////////////////

On Key

Related Posts