เมื่อวันที่ 6 กันยายน ภายหลังจากการงานบวชป่าของชาวบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่จัดร่วมกับเครือข่ายชุมชนการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำและเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณรอยต่อบ้านแม่สามแลบและบ้านท่าตาฝั่ง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสาละวิน โดยมีชาวบ้าน คณะครูและนักเรียน รวมทั้งทหารพราน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯเข้าร่วม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ป่ารอยต่อระหว่างบ้านแม่สามแลบและบ้านท่าตาฝั่ง
ผู้สื่อข่าวพบว่ามีต้นสักอายุราว 30 ปีถูกตัดจำนวน 2 ต้น ซึ่งร่อยรอยยังใหม่มาก คาดว่าไม่เกิน 4 วัน โดยก่อนหน้าไม้สักทั้ง 2 ต้นได้ถูกกานซึ่งรายการโทรทัศน์ “เปิดปม” ได้เคยไปถ่ายทำเอาไว้ และเชื่อว่าขบวนการลักลอบตัดไม้จะไม่กล้าลงมือ แต่ในที่สุดก็ไม่เหลือ ทำให้ชาวบ้านท่าตาฝั่งต่างวิตกกังวลมาก เพราะถือว่าขบวนการลักลอบตัดไม้ครั้งนี้เหิมเกริมมาก
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อุทยานฯพยายามดำเนินการเอาป้ายรหัสตัวเลขติดต้นไม้สัก และมีการลาดตระเวนเป็นระยะ แต่ขบวนการลักลอบตัดไม้ยังคงท้าทาย โดยตัดไม้และชักลากลงแม่น้ำสาละวินได้โดยง่ายเพราะเป็นช่วงที่น้ำเอ่อสูง ทั้งนี้ในส่วนของฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ก็มีการลักลอบตัดไม้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะจุดที่อยู่ในการควบคุมของทหารพม่า ส่วนจุดที่ทหารเคเอ็นยูควบคุมอยู่นั้นไม่ค่อยมีปัญหา
“ตอนนี้การลักลอบขนไม้สักล่องไปตามลำน้ำสาละวิน ยามค่ำคืนยังคงมีอยู่เสมอ เพราะการตรวจจับยังทำได้ยาก และเสี่ยงมากเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และตอนหลังขบวนการพวกนี้เขาพยายามปรับรูปแบบ โดยเมื่อเห็นกองกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งของไทยหรือทหารเคเอ็นยู เขาตัดเชือกที่แพและปล่อยไม้ให้ไหลไปตามน้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังพอที่จะแล่นเรือไล่เก็บไม้” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว
ชาวบ้านริมแม่น้ำสาละวินรายเดิม ยังกล่าวว่า ขบวนการลักลอบตัดไม้ยังคงใช้ชาวบ้านแม่สามแลบ 2-3 รายเป็นนายหน้าประสานเอาแรงงานในศูนย์พักพิงมาใช้กำลังตัดไม้ซึ่งมีรายได้ดีมาก โดยเอาทุกอย่างที่เป็นไม้สัก ทั้งกิ่งเล็กกิ่งน้อยเพราะใช้ประโยชน์ได้หมด ขณะที่นายทุนใหญ่ยังคงประสานกับส่วนราชการบางหน่อยงานได้เป็นอย่างดี ทำให้การลักลอบตัดไม้ยังคงดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายทรงศักดิ์ จอมแกล้วกล้า ผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่าตาฝั่ง กล่าวถึงว่าการบวชป่าของชาวบ้านครั้งนี้ก็เพื่อสร้างสำนึกในการร่วมกันปกป้องผืนป่าสาละวิน และเพื่อเป็นสร้างความร่วมมือในการดูแลรักษาป่าไม้ทรัพยากรแห่งนี้ร่วมกันโดยมีการสาปแช่งผู้ที่คิดทำร้ายหรือคนที่แอบลักลอกตัดไม้ในพื้นที่ให้มีอันเป็น เพราะขณะนี้ต้นสักบริเวณนี้ยังมีอีกมากทำให้เป็นที่หมายตาของกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ และเสี่ยงต่อการแอบลอบตัดได้ทุกเวลา
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ทหารพรานที่ 36 ได้นำสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งลงพื้นที่ หลังจากที่ทหารเคเอ็นยูจับกุมการลักลอบขนไม้สักครั้งใหญ่กลางลำน้ำสาละวินโดยได้ไม้ของกลางจำนวน 118 ท่อน ซึ่งทหารพรานให้น้ำหนักไปที่ไม้จำนวนดังกล่าวเป็นไม้จากฝั่งพม่า ( http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/660427)
เช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯได้ลงพื้นที่ป่าสาละวินและให้สัมภาษณ์ว่า การลักลอบตัดไม้ในพื้นที่แนวฝั่งริมน้ำสาละวิน พบแต่รอยชักลากในฝั่งเมียนมา ซึ่งในฝั่งไทยไม่มี (http://www.thairath.co.th/content/519901)
////////////////////
