สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

เปิดแผนปฎิบัติการใหญ่รองรับชุมชนริมคลองจากผลกระทบสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของกทม. ผอ.พอช.เผยรัฐบาลเทงบ 4 พันล้าน ช่วยชาวบ้าน 5.8 หมื่นราย

received_1010480575661894
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 ที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) ได้มีการจัดแถลงข่าวเปิดแผนงานรองรับด้านที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร โดยนายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อ้านวยการ พอช. กล่าวว่า ตามแผนงานปี 2556-2560 นั้น พอช.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดทำแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนริมคลองของกรุงเทพฯ โดยพอช.ได้จัดทำ “แผนปฏิบัติการการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหารุกล้ำที่ดินคูคลอง พ.ศ.2559-2561” ขึ้นมา มีเป้าหมายทั้งหมด 66 ชุมชน จำนวน 11,004 ครัวเรือน ประชากร 58,838 คน ใช้งบประมาณราว 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2559 จำนวน 1,401.60 ล้านบาท ปี 2560 จำนวน 1,740.58 ล้านบาท และปี 2561 ใช้งบประมาณ 919.28 ล้านบาท แยกเป็น งบสนับสนุนการ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัย 880.32 บาท งบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและเสียโอกาส 880.32 บาท งบสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ครัวเรือนละไม่เกิน 2,200.80 บาท และงบประมาณสำรวจจัดทำฐานข้อมูล พัฒนาองค์กรชาวบ้าน และติดตามประเมินผล รวม 100 ล้านบาท

นายพลากรกล่าวว่า พื้นที่ซึ่งจำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ มีพื้นที่สำหรับปฏิบัติงานหลายแห่ง ประกอบด้วย เขตจตุจักร, หลักสี่, ดอนเมือง, สายไหม, บางเขน, วังทองหลาง, ลาดพร้าว และเขตห้วยขวาง เพื่อสร้างองค์ความรู้แก่ชุมชนที่มีปัญหาเรื่องรุกล้ำที่อยู่คลอง ชุมชนแออัดที่มีปัญหาเรื่องการจัดการที่ดินและแม่น้ำชุมชน เพื่อให้สามารถมีที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลทั้งการสร้างเขื่อนในคลองเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจะมีบางพื้นที่ที่ต้องถูกรื้อบ้านเพื่อสร้างใหม่แบบเฉลี่ยกันในชุมชนและไม่กีดขวางทางคมนาคมขนส่งทางน้ำ ซึ่งในส่วนของพื้นที่ที่ถูกรื้อถอนนั้น จะมีพื้นที่อื่นรองรับเสมอ เพราะบ้านบางหลังนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปและมีพื้นที่ส่วนของการรุกล้ำ เพื่อการจัดการที่ดินโดยส่วนรวม แต่บ้านที่ถูกรื้อไม่ได้ถูกรื้อเปล่า มีทางเลือกอื่นในการสร้างใหม่

“แต่โดยรวมแล้วการรื้อบ้านประชาชนริมคลองเป็นไปเพื่อการสร้างบ้านแบบเฉลี่ยที่ดินให้ประชาชนในชุมชนดั้งเดิมสามารถดำรงชีวิตข้างคลองต่อไป ส่วนผู้ที่มีรายได้น้อยนั้น ไม่ต้องห่วงเพราะคุณไม่ได้ถูกไล่ที่เหมือนเอกชนไล่ แต่ พอช.ได้ร่วมมือกับกรมธนารักษ์จะให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันเช่าที่ดินในระยะยาวและราคาถูกเป็นเวลา 30 ปี ชาวบ้านก็จะได้ ร่วมกันพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น โดยกู้เงินรูปแบบสหกรณ์ มีดอกเบี้ยถูก และสร้างวินัยในการจัดการกองทุนกลางของชุมชนเพื่อการมีที่อยู่แบบยังยืน” นายพลากร กล่าว

นายสยาม นนท์คำจันทร์ ผู้จัดการสำนักงานปฏิบัติการภาคกรุงเทพฯ พอช.กล่าวว่า ในแผนปฏิบัติงานดังกล่าวนั้นหากมีการจัดการคูคลองที่มีสภาพความเป็นอยู่แน่นมาก ทางเครือข่ายได้มีการเจรจาร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลเพื่อหาที่ดินของรัฐซึ่งใกล้เคียงชุมชนเดิมรัศมี 5-10 กิโลเมตรจากชุมชนเดิม และหาจากเอกชนเพิ่มเติม เช่น ที่ดินจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ของกระทรวงการคลัง หรือจัดหาที่อยู่อาศัยของการเคหะฯ เพื่อรองรับชาวบ้านต่อไป โดยพอช.จะสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องของสินเชื่อเพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่และเงินอุดหนุนเพื่อสร้างสาธารณูปโภคกับบรรษัทต่างๆเพื่อซื้อที่ดินรองรับการย้ายถิ่นที่อยู่ของประชาชนริมคลอง โดยขอซื้อในราคาถูกกว่าราคาประกาศขาย แล้วให้ประชาชนเช่าอยู่ในอัตราดอกเบี้ยของสหกรณ์สินเชื่อไม่เกินร้อยละ4 ส่วนการจัดการสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เข้าสู่ชุมชน เช่น น้ำ ไฟ ทางเครือข่ายก็จะช่วยเหลือเป็นเงินยูนิตละประมาณ50,000 บาท โดยหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการก็สามารถดำเนินการได้เลย

นายสยามกล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงานรองรับด้านที่อยู่อาศัย ปัจจุบันมีชาวบ้านหลายชุมชนได้จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้านและเป็นหลักทรัพย์ในการยื่นขอสินเชื่อจาก พอช. รวมทั้งได้มีการออกแบบบ้าน ออกแบบผังชุมชนเพื่อเตรียมการก่อสร้างบ้านแล้ว ส่วนความคืบหน้าในการก่อสร้างเขื่อนนั้น ขณะนี้สำนักการระบายน้า กทม.ได้บริษัทที่รับเหมาแล้ว คือ บริษัทริเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง วงเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท อยู่ในระหว่างการอนุมัติงบประมาณจากกระทรวงมหาดไทยและท้าสัญญาจ้างต่อไป โดยคาดว่าการลงนามจะมีขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นจึงจะเริ่มก่อสร้างเขื่อน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1,200 วัน

นายประภาส แสงประดับ ประธานชุมชนวัดบางบัว กล่าวว่า ในฐานะที่ชุมชนบางบัวเป็นโมเดลหลักที่เคยจัดการริมคลอง ยืนยันว่า การจัดการความเป็นอยู่ริมคลองเพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาลนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยาก แต่ พอช.ต้องทำความเข้าใจกับชุมชนให้มาก ว่าถ้าจัดการแล้วจะต้องรักษากฎระเบียบใดเพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืนและไม่ถูกเอกชนหรือรัฐบาลไล่รื้อเพื่อการพัฒนาในอนาคต เช่น เสนอแผนพัฒนาน้ำให้สวยใส ร่มรื่น เสนอแผนออมทรัพย์ป้องกันปัญหาด้านการเงิน รวมทั้งเสนอนโยบายต่อรัฐบาลกลางให้ยอมรับการตัดสินใจของประชาชนกรณีชุมชนต้องการมีส่วนร่วมเกี่ยวกับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ เช่น กรณีชุมชนบางบัวนั้น มีการรักษาสภาพแวดล้อมคูคลองอย่างดี สลายความแออัดได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดีไม่เบียดเบียนที่ดินหลวงจนเกินไป มีเว้นระยะห่างระหว่างบ้านแต่ละหลัง แล้วยังมีการออกกฎห้ามสร้างบ้านล้ำที่คลองสาธารณะด้วย

นายประภาสกล่าวว่า ประสบการณ์ของบางบัว คือ ในการก่อสร้างบ้านมั่นคงในชุมชนนั้น ยังติดระเบียบเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารอยู่ เช่น ในเนื้อหาพ.ร.บ.ระบุว่า ให้สร้างบ้านระยะห่างจากกันอย่างน้อย4 เมตร ห่างริมคลอง6 เมตร แต่ในทางปฏิบัตินั้นทำไม่ได้เพราะชุมชนบางบัวที่แคบก็มีการลดหลั่นระยะเข้ามา ซึ่งหากจะปฏิบัติกับชุมชนอื่นในปี2559 คิดว่ารัฐบาลต้องมีการอนุโลมนโยบายในการสร้างบ้านมั่นคงโดยไม่ผูกติด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เนื่องจากชุมชนแออัดบางแห่งมีวิถีชีวิตริมคลองที่ยาวนาน และมีเนื้อที่จำกัดซึ่งกรณีนี้ชุมชนสามารถเจรจากับผู้อาศัยรายที่มีบ้านหลังใหญ่และรุกล้ำที่คลองมากเกินไปเพื่อลดขนาดบ้านลงได้ เพื่อให้เพียงพอกับการอาศัยอยู่ของสมาชิกทุกคน

“การจัดการที่ดินลักษณะนี้ ดีกว่าการรื้อชุมชนแล้วไล่ไปอยู่ที่อื่น แล้วรัฐมาเปิดช่องให้เอกชนเจ้าของคอนโด สร้างคอนโดหรู เพราะการจัดการที่อยู่อาศัยแบบนี้เป็นแบบเอื้อเฟื้อคนอยู่กับคลองได้ รัฐสร้างเขื่อนกั้นน้ำท่วมได้ เปิดทางระบายน้ำได้ และคนก็มีที่อยู่ไม่กลายเป็นคนไร้บ้าน แม้ว่าค่าเช่าและมูลค่าที่ดินริมคลองน้อยกว่าเอกชนที่มาลงทุน แต่ประชาชนไม่อดตาย ไม่ไร้ที่อยู่อาศัย และหากทำได้ดีเชื่อว่าคลอง กรุงเทพจะกลับมาดีอีกครั้ง ด้วยฝีมือชุมชนที่ร่วมกันฟื้นฟู” นายประภาสกล่าว
/////////////////////////////

On Key

Related Posts

เผยผู้หนีภัยการสู้รบชายแดนไทรโยคต้องหลบซ่อน-อาศัยหลับนอนในซุ้มกอไผ่หลังถูกทางการไทยผลักดันออก กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐจี้ยุติการส่งกลับสู่อันตราย ชี้ระวังถูกโลกประณาม

ระหว่างวันที่ 12-14 พฤษภาคม 2567 คณะกรรมาธิการ(กมธRead More →

แฉรัฐบาลไทยผลักดันผู้หนีภัยการสู้รบกลับพม่าโดยไม่สมัครใจ หวั่นส่งไปสู่อันตราย เผยเตรียมเดินหน้าอีก 610 คนที่สวนผึ้ง ภาคี 4 เครือข่ายออกแถลงการณ์เรียกร้องยุติด่วน

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ภาคีเครือข่ายองค์กรที่Read More →