
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union – KNU) ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ 2568 การสู้รบระหว่างกองกำลังของ KNU และกองทัพเมียนมาปะทุขึ้นบริเวณใกล้หมู่บ้านมินเล่ป่าน อยู่ห่างจากเมืองเมียวดีไปทางใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร เนื่องจากฝ่ายกองทัพเมียนมาต้องการรุกเข้าพื้นที่ที่ตนเพิ่งสูญเสียไปกลับคืนมา ในระหว่างนั้น หน่วยทหารของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA(Democratic Karen Buddhist Army ) ภายใต้การนำของ หน่าย ลวิน ได้เป็นกำลังร่วมกับกองทัพเมียนด้วย โดยสืบทราบภายหลังพบว่าเป็นปฏิบัติการภายใต้คำสั่งตรงของซาย จอ ล่า 1ใน 4 ผู้นำของ DKBA ซึ่งถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ด้วยข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับอาชญากรรมและปฏิบัติการหลอกลวงหรือ “สแกม” ข้ามชาติ
แถลงการณ์ระบุว่า ในขณะที่สู้รบเพื่อป้องกันเขตแดนของตนอยู่นั้น กำลังของ KNU สามารถบุกเข้ายึดฐานที่มั่นของ DKBA โดยไม่ได้คาดการณ์มาก่อนเมื่อทหาร DKBA กว่า 230 นายยอมจำนน ในการนั้นพบว่า พื้นที่ประจำการของหน่วย DKBA ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปิดที่มีระบบประตูกั้นไว้หลายชั้น ภายในมีผู้คนหลากหลายสัญชาติหลายพันคนและมีการดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายระดับใหญ่ กองกำลังของ KNU จึงเร่งเข้าจัดตั้งแนวป้องกันอยู่รอบนอก จำกัดการเข้าออกที่ไม่ได้รับอนุญาต และป้องกันไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลบหนีออกนอกพื้นที่ได้
“ในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 KNU เร่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์และปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือเหยื่อและรื้อทำลายธุรกิจสแกมดังกล่าว ผู้นำ KNU ประสานงานเพื่อแจ้งเหตุการณ์ให้แก่หน่วยราชการไทยและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ และได้มีการประชุมหารือเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดการสถานการณ์อย่างเหมาะสมอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะขั้นตอนการระบุตัวบุคคล การส่งผู้คนหลายพันที่ถูกกักขังอยู่ให้กลับประเทศได้อย่างปลอดภัย และการเก็บรวบรวมหลักฐานที่จำเป็น”แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ระบุว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลาประมาณ 7.00 น. คณะทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์พร้อมด้วยกำลังคุ้มกันของ KNU ได้รับการส่งตัวเข้าพื้นที่ เพื่อระบุตัวบุคคลที่ถูกกักไว้ในพื้นที่ เก็บรวบรวมหลักฐาน บันทึกการให้ปากคำ และจัดทำเอกสารที่จำเป็นสำหรับกระบวนการทางกฎหมายและทางมนุษยธรรมในอนาคต KNU ให้ความสำคัญกับการส่งกลับพลเมืองไทยซึ่งมีผู้หญิงและเด็กด้วยเป็นประการแรก ทั้งนี้ คณะทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์ซึ่งทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของ KNU (KNPF) ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและความคุ้มครองต่อเหยื่อในขณะที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด ซึ่งในระหว่างนี้ กองกำลัง KNLA ยังคงตรึงกำลังให้ความคุ้มครองพื้นที่อยู่ เนื่องจากกองทัพพม่าและพันธมิตรยังเคลื่อนไหวอยู่โดยรอบ
KNU ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวประกอบไปด้วยอาคารคอนกรีตประมาณ 20 หลัง ซึ่งรวมถึงอาคารสูง 4 ชั้นและ 5 ชั้นอย่างละหนึ่งหลังที่ภายในเต็มไปด้วยผู้คนพร้อมอุปกรณ์ IT สำหรับปฏิบัติการสแกม นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลและอาคารพักอาศัยบางส่วนอยู่ด้วย คณะทำงานพบผู้คนถูกกักอยู่ในบริเวณดังกล่าวประมาณ 2,000 คน เมื่อถึงเวลา 14.00 น. คณะทำงานสามารถระบุประเทศต้นทางของพลเมืองที่ถูกกักไว้ได้อย่างน้อย 8 ประเทศ ได้แก่ เอธิโอเปีย รวันดา อียิปต์ ไทย ลาว ฟิลิปปินส์ จีน และมาเลเซีย และในเวลา 16.00 น. จึงได้ประสานงานกับทางการไทยเพื่อส่งตัวพลเมืองไทย 28 คนกลับประเทศอย่างปลอดภัย ขณะนี้ ปฏิบัติการสแกมจากพื้นที่ดังกล่าวได้ยุติลงแล้ว และคณะทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์ยังคงตรวจสอบสัญชาติของผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยละเอียด ซึ่งจะได้มีการแถลงให้แก่รัฐต้นทางและสาธารณชนทราบเพื่อการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป
“การกำกับดูแลวิกฤตดังกล่าวนี้อยู่ภายใต้ฝ่ายนโยบายระดับสูงของ KNU ซึ่งนำโดยรองประธาน KNU และดำเนินการร่วมกันกับผู้นำเขตดูปลายาและพะอัน เพื่อเอกภาพในการทำงานและการบริหารจัดการ การสืบสวน และปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ KNU จะธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมในอาณาเขตภายใต้การปกครองของตน และจะยึดมั่นในการปกป้องผู้เปราะบางที่ถูกแสวงประโยชน์จากปฏิบัติการสแกมข้ามชาติ และการร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อการนำตัวผู้กระทำผิดมารับผิดชอบ”แถลงการณ์ระบุ
วันเดียวกันกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ได้ออกประกาศว่า ขอชี้แจงต่อประชาชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า ที่ผ่านมาได้มีบางบุคคลและบางกลุ่มอ้างชื่อกองทัพ D.K.B.A โดยมิชอบ เพื่อแอบอ้างผลประโยชน์และสร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชน ดังนั้น กองทัพ D.K.B.A ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า บุคคลหรือกลุ่มใดที่ใช้นาม “D.K.B.A” โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกองบัญชาการกองทัพ D.K.B.A ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายขององค์กร และ D.K.B.A จะไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ ที่เกิดจากผู้แอบอ้างเหล่านั้นโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและเพื่อความถูกต้อง โปรดตรวจสอบเฉพาะประกาศ คำสั่ง และข้อมูลข่าวสารที่ออกโดย คณะกรรมการบริหารกลาง (CEC) กองบัญชาการกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA



