เมื่อเร็ว ๆ นี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหวกลุ่มชาติพันธุ์ชาวนากาได้จัดแถลงข่าวที่กรุงย่างกุ้ง เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าเร่งเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหากรณีเกิดโรคระบาดที่เขตปกครองนากา ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล โดยเฉพาะที่เมือง”ละฮิ” และที่เมือง “นันยัน” ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเป็น 42 คน โดยในจำนวนนี้ 29 คน พบว่าเป็นเด็ก
นายนอ ออง ซาน เลขาธิการกลุ่ม Council of Naga Affairs ซึ่งเป็นกลุ่มของชาติพันธุ์ชาวนากาเปิดเผยว่า ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวนากาที่กำลังเผชิญกับโรคระบาด ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นโรคระบาดชนิดใด นอกจากนี้ยังกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่จะต้องสร้างถนนที่สามารถใช้การได้ดีเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งจำเป็นในการใช้ขนส่งด้านการรักษาพยาบาลและอาหาร ซึ่งขณะนี้พบว่า 15 หมู่บ้านที่เผชิญกับโรคระบาดอย่างหนักถูกทอดทิ้งอย่างโดดเดี่ยว สามารถใช้เพียงรถจักรยานยนต์เข้าถึงในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งก็ใช้เวลานานถึง 1 สัปดาห์กว่าจะเข้าถึงในพื้นที่ เนื่องจากไม่มีถนน
ระหว่างที่แถลงข่าวที่ย่างกุ้ง กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวนากาได้กล่าวโจมตีรัฐบาลท้องถิ่นเขตสะกายว่า ไม่ให้การช่วยเหลือเท่าที่ควรในการแก้ปัญหาโรคระบาด เช่น ไม่ทำตามสัญญาที่ว่าจะหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อลำเลียงอาหารไปช่วยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังจำกัดการขนส่งอาหารเข้าไปในพื้นที่ จึงทำให้ขณะนี้อาหารที่ได้รับบริจาคจำนวนมากติดค้างอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ขณะที่เขตปกครองนากานั้นตั้งอยู่ในเขตสะกายซึ่งอยู่ใกล้กับเขตมัณฑะเลย์
ทางกลุ่มนากายังเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโดยเฉพาะเด็กต้องการอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ฟื้นจากอาการป่วย โดยยังกล่าวอีกว่า ทั้งที่จริงแล้วโรคต่างๆ เช่น โรคหัดเยอรมัน หรือ โรคคางทูม รัฐบาลควรที่จะหาทางป้องกันได้ แต่กลับพบว่า บางหมู่บ้านไม่มีคลีนิกหรือยารักษาโรค ทำให้เด็กไม่ได้รับวัคซีนเพื้อป้องกันโรคดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า หลังเกิดโรคระบาด บางครอบครัวสูญเสียสมาชิกในบ้านไปถึง 3 คน
“เราทุกคนมีหน้าที่ช่วยเหลือพวกเขาที่เผชิญกับโรคระบาดเหล่านั้น เด็ก ๆ เหล่านั้นอาจจะเป็นผู้นำในประเทศในอนาคต แต่เป็นที่น่าเศร้าที่พวกเขาต้องมาตายเสียก่อน” คง ซี ชี หนึ่งในนักเคลื่อนไหวชาวนากากล่าวระหว่างจัดแถลงข่าวที่ย่างกุ้ง ทั้งนี้ โรคระบาดเริ่มขึ้นครั้งแรกในเขตปกครองนากาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และต่อมาพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี
ที่มา Irrawaddy
แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ