เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2560 นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล เปิดเผยถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของเรือหางยาวที่เรียกเก็บเงินนักท่องเที่ยวทั้งๆที่ไม่ได้ใช้บริการรับส่งของเรือดังกล่าว เนื่องจากขาดรายได้ภายหลังจากที่โป๊ะซึ่งเป็นจุดรับส่งนักท่องเที่ยวและต้องใช้เรือหางยาวถูกนำไปซ่อมแซม ว่าฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ อุทยานแห่งชาติเก็บค่าบริการการใช้พื้นที่อุทยานในส่วนของเกาะหลีเป๊ะลดน้อยลงไปเกือบเท่าตัว จากเดิมเก็บเฉพาะค่าบริการนำเรือเข้ามาในพื้นที่ได้ราว 2 แสนบาท แต่ปัจจุบันลดลงไปครึ่งหนึ่งได้ เนื่องจากขณะนี้ไม่มีโป๊ะจอดเรือประจำเกาะให้เรือท่องเที่ยวเทียบท่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายต้องนำเรือเข้าจอดหน้าหาด และทางอุทยานฯ เก็บเงินไม่ทัน โดยขณะนี้ โป๊ะใหญ่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงซึ่งส่งซ่อมเป็นเวลา1ปีแล้ว จะเสร็จสิ้นและพร้อมเปิดบริการอีกทีฤดูกาลท่องเที่ยวหน้า คือตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไป
“ฤดูกาลเปิดท่องเที่ยวช่วงนี้ไปก่อนแต่ว่าจะปิดราววันที่ 15 พฤษภาคม ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะชุมชนที่ขับเรือหางยาวขาดรายได้และพยายามเข้าไปเก็บค่าเรือหางยาวจากเรือท่องเที่ยวที่เทียบชายหาดส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการตกลงระหว่างกลุ่มคนขับเรือและผู้ประกอบการ แต่นักท่องเที่ยวบางรายไม่เข้าใจก็ไม่อยากจ่ายเพราะไม่ได้ใช้บริการเรือหางยาว ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายก็ออกมาส่งสัญญาณถึงท่าทีที่ไม่เหมาะสมกับกลุ่มเรือหางยาว แต่กรณีนี้ต้องยอมรับว่าการไม่มีโป๊ะนั้น ทำให้ชาวเลส่วนมากที่ขับเรือสูญเสียรายได้ เพราะเดิมทีอุทยานฯ จะบังคับเรือทุกลำเข้าจอดที่โป๊ะเพื่อกระจายรายได้ให้ชาวเลที่มีเรือลำเล็กๆได้รับส่ง ซึ่งมันก็สร้างรายได้ให้เขาและเป็นระบบการจัดการที่ยุติธรรม แต่พอโป๊ะเสียและส่งซ่อมยังไม่เสร็จ เราต้องทำใจ ซึ่งไม่ใช่ แค่ชาวเลเท่านั้นที่ขาดรายได้ แต่อุทยานฯ ก็ขาดรายได้เช่นกัน” นายปณพลกล่าว
นายกปณพล กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ทางจังหวัดกำลังเรียกประชุม และจะตั้งโป๊ะโดยเร็ว แต่ส่วนอุทยานได้เคยเสนอแผนให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พิจารณาแล้ว ว่าขออนุมัติงบซ่อม แต่กรมเห็นว่าเป็นการเอารายได้จากอุทยานไปใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์จึงไม่ได้อนุมัติ ซึ่งทางพื้นที่เอง รวมทั้งอุทยานฯได้เจรจาเสนอเรื่องไปยังจังหวัด แล้ว และจังหวัดรับซ่อมแต่ว่าด้วยความที่โป๊ะเก่าและเสียหายมากจึงต้องใช้เวลานาน ทราบว่าจะเรียกทุกฝ่ายที่ประกอบอาชีพบนเกาะหลีเป๊ะ รับทราบรายละเอียดเร็วๆนี้ แต่ฤดูกาลนี้หาโป๊ะไม่ทัน
หัวหน้าอุทยานฯ กล่าวต่อว่า เดิมทีนั้นในส่วนอุทยานเคยเช่าโป๊ะชั่วคราวมาใช้แล้ว ขนาดเล็กกว่าเดิมมาก และต้องจ่ายค่าเช่าแพงถึงเดือนละ 3 แสนบาท เมื่อช่วงตุลาคม 2559 อุทยานฯ ก็แก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่ยังพบว่าผู้ประกอบการที่เอาเรือเทียบท่ายังมีมาใช้บริการน้อย หลายคนเห็นด้วยกับการขออนุญาตเข้าเทียบท่า แล้วจ่ายค่าบริการตามก็มี แต่บางคน บางบริษัทไม่จ่ายเลย เจ้าหน้าที่ตามเก็บ ตามจัดระเบียบไม่ทัน จึงต้องล้มเลิกแผนเช่าในฤดูกาลนี้ มาถึงปีนี้ปัญหาเลยเกิดเพิ่มเติม แต่คาดว่า หากทุกฝ่ายได้คุยกันปัญหาจะยุติ
ด้านนายหัตติเริง พระอ๊ะ ชาวเลหลีเป๊ะผู้ขับเรือ จังหวัดสตูล กล่าวว่า ตนเคยเห็นกลุ่มคนขับเรือหางยาวที่เข้าไปตามเก็บเงินนักท่องเที่ยวแล้วรู้สึกไม่ดี เนื่องจากทำลายภาพลักษณ์ของชาวเลบนเกาะที่ทำอาชีพขับเรือ แม้ว่าชาวเลจะขาดรายได้จากการท่องเที่ยวก็ตามแต่ไม่ควรแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมา ควรจะหาทางออกด้วยการเจรจากันก่อน แต่ส่วนตัวมองว่าถ้ามีโป๊ะเป็นศูนย์กลางจะดีกว่า เพราะรายได้เข้าเกาะหลีเป๊ะจำนวนมหาศาล หากปล่อยให้ผู้ประกอบการเรือใหญ่ ทำรายได้แบบผูกขาด ท้ายที่สุดชาวเลจะแทบไม่มีที่ยืน
“คนที่มาประท้วง ไม่ใช่กลุ่มเรา กลุ่มเรือมีสองกลุ่ม คนบนเกาะเขารู้ดี แต่เราเองคิดว่าปัญหานี้ยุติได้ ถ้ามีโป๊ะ เลยคิดว่า ชาวเล จังหวัด อุทยานเองควรมีมาตรการจัดระเบียบที่ดีและต้องการเวลาคุยกันเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการรายใหญ่จะกุมรายได้ฝ่ายเดียว อุทยานกับชาวบ้านไม่ได้อะไร” นายหัตติเริง กล่าว
/////////////////////////