เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation-SHRF) ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับสาเหตุที่แม่น้ำสายซึ่งไหลผ่านชายแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ เมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ขุ่นเป็นสีขาวมาว่า มลพิษในแม่น้ำสายอาจเป็นผลมาจากการขยายเหมืองทองคำภาคตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน
รายงานของมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ระบุว่า นับแต่กลางเดือนมกราคม 2567 ชาวบ้านที่แม่สายทางพรมแดนด้านเหนือของไทยต้องประหลาดใจกับสภาพที่น้ำมีลักษณะขุ่นสีขาวในแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นน้ำที่นำมาใช้ทำน้ำประปาของเทศบาล จากการสำรวจแผนที่ทำให้พบว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการขยายเหมืองทองคำเมื่อเร็ว ๆนี้ทางภาคตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน ซึ่งตั้งอยู่ด้านเหนือน้ำของแม่สายห่างไป 30 กิโลเมตรและควรมีการสำรวจความเป็นพิษในแม่น้ำอย่างใกล้ชิด
รายงานของ SHRFระบุว่า ระหว่างปี 2542-2544 กองทัพสหรัฐว้า (UWSA)ได้บังคับโยกย้ายชาวบ้านว้ากว่า 126,000คน จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉานให้ลงมาอยู่ทางตอนใต้ของรัฐฉานในเขตเมืองโต๋น เมืองสาด และท่าขี้เหล็ก ทั้งนี้ได้บังคับให้โยกย้ายชาวบ้านประมาณ 16,000 คน มาอยู่ที่เขตทลาง ในขณะที่ชาวไทใหญ่ที่เป็นเกษตรกรปลูกข้าวที่เคยอาศัยอยู่ดั้งเดิมในพื้นที่นี้กว่า 1,200 คน ได้ถูกกองทัพสหรัฐว้าบังคับให้โยกย้ายออกจากพื้นที่ทำกินของตน หลายคนได้หลบหนีไปอยู่ที่ค่ายผู้อพยพดอยก่อวัน
“กลุ่มทหารบ้านที่สนับสนุนรัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้คนงานเหมืองของจีนเริ่มทำเหมืองโดยใช้เครื่องจักรกลที่ด้านบนเขาทางตะวันออกของบ้านแม่โจ๊ก น้ำที่ถูกปล่อยออกมาจากเหมืองทองคำและหนองน้ำที่ใช้สกัดแร่ ไม่ได้ผ่านการบำบัดและไหลไปรวมกันที่แม่น้ำสาย” กลุ่มสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ระบุ
ในรายงานระบุด้วยว่า ที่เมืองกาน และนายาว ช่วงปลายปี 2565 กองทัพสหรัฐว้า อนุญาตให้คนงานเหมืองของจีนหลายพันคนเริ่มทำเหมืองโดยใช้เครื่องจักรกลตามริมฝั่งแม่น้ำสายในเมืองกาน มีการสกัดภูเขาและมีการปรับสภาพดินผืนใหญ่ให้กลายเป็นหนองน้ำเพื่อสกัดแร่ทองคำ ปล่อยให้น้ำเสียไหลลงไปสู่แม่น้ำโดยตรง ช่วงปลายปี 2566 ได้มีการขยายการทำเหมืองทองไปยังต้นน้ำแม่สายใกล้เขตนายาวและช่วงเดือนธันวาคม 2566 มีผู้พบเห็นคาราวานรถบรรทุกหกล้อขนส่งคนงานจีนชุดใหม่กว่า 1,000 คนจากท่าขี้เหล็กไปยังพื้นที่เหมืองทองคำตอนกลางคืน โดยสารเคมีที่เป็นพิษรวมทั้งไซยาไนด์มักถูกใช้เพื่อการสกัดแร่ทองคำจากการทำเหมือง
นายจายหอแสง ผู้ประสานงานมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่เครือข่ายฯ ที่ทำงานด้วยกันได้ทำการสำรวจพื้นที่เหมืองทองและเห็นสภาพมีการขุดเหมืองทองเป็นวงกว้าง มีการชะล้างและสกัดแร่ลงแม่น้ำซึ่งทำให้แน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำในแม่น้ำสายเป็นสีขุ่นขาวเกิดจากการล้างสกัดแร่ทองคำและปล่อยของเสียเสียไหลลงแม่น้ำ
“พื้นที่นี้ว้า UWSA ห้ามเข้า เพราะทหารว้าไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง เป็นเขตอิทธิพลของพวกเขา เราอยากให้ฝั่งไทยผลักดันให้ยุติการทำเหมืองทองบริเวณนี้เพราะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชุมชน 2 ฝั่ง เพราะเหมืองอยู่ติดกับแม่น้ำสาย อยากขอให้การขุดหยุดได้แล้ว” นายจายหอแสง กล่าว
นายบัณฑิตย์ พันธ์พลากร สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลเวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่าประชาชนแม่สายค่อนข้างเป็นห่วงเพราะต้องใช้น้ำประปาที่นำน้ำดิบมาจากแม่น้ำสาย ดังนั้นเมื่อแม่น้ำสายขุ่นมาหลายเดือนและยังไม่มีการแก้ไขจนถึงทุกวันนี้ทำให้ต่างรู้สึกกังวลใจว่าเป็นเพราะฝั่งพม่าได้เปลี่ยนแปลงทิศทางน้ำเพื่อใช้ล้างแร่หรือไม่ แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการได้ตรวจสอบแล้วซึ่งพบว่าปริมาณสารต่างๆไม่เกินมาตรฐาน แต่พวกตนและชาวบ้านก็ยังเป็นห่วงเพราะสีน้ำยังขุ่นมากซึ่งได้มีการแจ้งไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) เพื่อขอให้ช่วยประสานกับ TBC พม่าในการแก้ไขปัญหา
“ทางพม่าเขาไม่ยอมรับว่าน้ำในแม่น้ำสายขุ่นเกิดจากการทำเหมือง เขาบอกว่าเกิดจากน้ำตื้นเขิน เราเลยอยากให้จัดประชุม TBC บนฝั่งไทยบ้าง เราอยากให้เขามารับฟังปัญหาของเราพร้อมทั้งต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ปัญหา อยากให้ได้มาเห็นน้ำประปาของเราจริงๆ หรือไปเปิดวงเสวนากันที่หัวฝายก็ได้ วันนี้น้ำในแม่น้ำสายลดหายลงไปเยอะเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่สำคัญคือน้ำไม่เคยขุ่นยาวนานขนาดนี้ และสีที่ขุ่นก็ไม่เหมือนเดิม” นายบัณฑิตย์ กล่าว
ส.ท.ตำบลเวียงพางคำกล่าวว่า การที่หลายคนที่เกี่ยวข้องให้สัมภาษณ์ว่าน้ำในแม่น้ำสายมีค่าต่างๆ ไม่เกินมาตรฐานบ้าง น้ำในแม่น้ำสายใช้ทำน้ำประปาได้บ้าง เมื่อพูดเสร็จแล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป แต่ปัญหาน้ำในแม่น้ำสายยังคงเหมือนเดิม เพราะไม่มีแนวทางแก้ปัญหา ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่สบายใจเพราะไม่ควรแค่ให้สัมภาษณ์แล้วจบ แต่ควรแจ้งให้ชาวแม่สายทราบเป็นระยะๆ ว่าได้แก้ปัญหาคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
“ชาวบ้านดูแล้วเหมือนไม่มีการแก้ปัญหาจริงๆจังๆ ฝั่งไทยก็ยังเกรงใจฝั่งพม่ามาก เราขอไปดูพื้นที่ที่ทำเหมือง เขาก็มักปฏิเสธโดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ของเอกชน แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือพวกเรา ผมเคยดูภาพถ่ายดาวเทียมจากกูเกิลแมพ มันเหมือนมีการเปลี่ยนเส้นทางน้ำเพื่อให้วนเข้าไปในเหมืองแร่เพื่อใช้ในการล้างแร่ แม้แม่น้ำสายสายหลักจะยังอยู่ แต่ทำให้ปริมาณน้ำหายไปเยอะ” นายบัณฑิตย์ กล่าว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.