เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม กลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้า ได้จัดให้ผู้สนใจลงพื้นที่เขาแผงม้า ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว และบริเวณโดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เนื่องในโอกาสรำลึก 20 ปีฟื้นป่าเขาแผงม้า ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้าได้ทำการขยายถนน ปลูกหญ้าลูซี่และขุดกั้นแหล่งน้ำในบริเวณพื้นที่ปลูกป่า ขณะที่บริเวณเส้นทางโดยรอบอุทยานฯเขาใหญ่ได้มีการขยายเส้นทาง ทำให้หวั่นเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่เขาแผงม้าของผู้สื่อข่าวพบว่า ขณะนี้ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้มีการเปลี่ยนเส้นทางรถยนต์โดยขยับแนวรั้วลวดที่กั้นไม่ให้กระทิงลงมาหากินในพื้นที่ชาวบ้านเข้าไปในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า และทำการตัดถนนเส้นใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้รถนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปชมกระทิงมากขึ้น ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารย์ว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ต้องสูญเสียเนื้อที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าไปจำนวนไม่น้อย ที่สำคัญคือการขยับแนวรั้วลวดเข้าไปไว้ด้านในโดยมีถนนอยู่ด้านนอก จะทำให้เขตห้ามล่าฯไม่สามารถควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้ายังได้นำหญ้าลูซี่ซึ่งเป็นหญ้าอาหารสัตว์ของประเทศในทวีปแอฟริกามาปลูกไว้ในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลจากแนวรั้วลวดหนามมากนัก ขณะที่ฝั่งตรงกันข้ามคือรีสอร์ทและแหล่งที่พักมากมาย ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารย์ว่าเป็นแผนการที่เตรียมไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มาพักซึ่งเอื้อประโยชน์กับธุรกิจเอกชน
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงสำรวจแนวถนนรอบอุทยานฯเขาใหญ่ซึ่งพบว่า ได้มีการขยายเส้นทางและมีนำต้นไม้ขนาดย่อมมาปลูกโดยใช้ระบบน้ำหยดซึ่งมีป้ายว่าเป็นการดำเนินงานโดยวัดแห่งหนึ่งตลอดเส้นทาง ทำให้ชาวบ้านรู้สึกกังวลใจเพราะเป็นการรบกวนสัตว์ป่าและทำลายสภาพแวดล้อมของป่าเขาใหญ่ที่ถูกบุกรุกหนักอยู่แล้ว
ทั้งนี้ในช่วงเช้าที่บริเวณที่ทำการของกลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้า ยังได้มีการทำบุญเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีเขาแผงม้าและมีการร่วมกันภาวนาเพื่อรักษาป่า นอกจากนี้ยังมีการล้อมวงคุยจากฝ่ายต่างๆที่สนใจ อาทิ นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นายนิคม พุทธา นายโชคดี ปรโลกานนท์ นายพงศา ชูแนม ประธานมูลนิธิธนาคารต้นไม้
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือการขาดกระบวนการการมีส่วนร่วมเนื่องจากมุมมองของราชการ มักคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของจึงทำอะไรก็ได้ ขณะที่ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ร่วมปลูกป่ากันมาตั้งแต่ต้นรู้สึกว่าสิ่งที่ทางการทำนั้นไม่ใช่ ที่สำคัญคือไม่มีการบอกกล่าวกับชาวบ้านว่าทำอะไร โดยเรื่องนี้ต้องมีการคุยกับผู้อำนวยการที่รับผิดชอบ อธิบดีกรมอุทยานฯ รวมไปถึงปลัดกระทรวงฯเพราะการเข้าไปขยายถนน ขุดแหล่งน้ำและปลูกหญ้าลูซี่นั้น น่าจะผิดระเบียบตามที่เขียนไว้ในประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า แม้อธิบดีจะมีอำนาจอนุมัติได้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจทั้งหมดเพราะยังมีกฎหมายอื่นคอยกำกับอยู่ โดยเฉพาะการรับฟังเสียของประชาชนเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ
“การกระทำครั้งนี้ถือว่าหมื่นเหม่ที่ทำผิดกฎหมายมาก ขึ้นอยู่กับการตีความ เหมือนกับกรณีที่ตนฟ้องร้องเรื่องการขยายถนนธนะรัชต์ ที่มีการตัดต้นไม้ และเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเพราะถนนเข้าอุทยานฯไม่ต้องให้รถวิ่งเร็ว ในที่สุดศาลก็ตัดสินให้ผู้ฟ้องชนะ เช่นเดียวกับการขยายถนนรอบๆ เขาใหญ่ครั้งนี้ ถ้าพิจารณาแล้วไม่เห็นความจำเป็นต้องทำ ก็ควรยกเลิก” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายโชคดี กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือให้ไปร่วมปลูกหญ้าลูซี่เมื่อปี 2557 จำนวน 500 ไร่ แต่ตนไม่เข้าร่วมเพราะยืนยันว่าเขาแผงม้าต้องมีแผนแม่บทในการจัดการ และไม่เห็นด้วยกับการทำลายระบบนิเวศ และการก่อสร้างใดๆต้องคำนึงระบบนิเวศด้วย นอกจากนี้ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากราชการ ทำให้รู้ว่าคงจะไปบอกใครคงยาก ที่ทำได้วิธีเดียวคือเขียนลงในเฟสบุคส่วนตัว
นายนิคม กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้คือ 1. กรณีไถป่าปลูกหญ้าลูซี่ 2.ขุดแหล่งน้ำทำเขื่อนกั้น 3.ขยายถนนที่เขาใหญ่ซึ่งไปทำลายต้นไม้และแนวกระถินที่เขาปลูกไว้เมื่อ 20 ปีก่อน โดยทั้ง 2 พื้นที่เชื่อมโยงกับเรื่องการท่องเที่ยว และการจัดการกระทิงทำเพื่อการท่องเที่ยวไม่ใช่เพื่อระบบนิเวศ
“การจัดการของกรมป่ามไม้ อุทยานฯยังเป็นการทำงานเชิงเดียว เราหวังว่าเขาแผงม้าจะเป็นกรณีตัวอย่าง เขาแผงม้าไม่ใช่มีแค่เรื่องกระทิงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของระบบนิเวศด้วย ทำอย่างไรให้กระทิงและสัตว์อื่นๆระหว่างเขาแผงม้าและเขาใหญ่ได้เชื่อมโยงกัน ต้องหาปัจจัยสนับสนุนให้มีการจัดการสัตว์ป่านอกเขตอนุรักษ์และการจัดการสัตว์ป่าที่ไม่ใช่เกิดจากเจ้าหน้าที่”นายนิคม กล่าว
นายนิคมกล่าวว่า เรื่องเขาแผงม้าอยู่ในช่วงที่ต้องเรียนรู้ว่าเป็นพื้นที่พิเศษในการปรับตัวร่วมกันทั้งชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐ อบต. ทะเลาะกันให้เสร็จ แล้วหันหน้าเข้าหากัน เราไม่อาจปล่อยให้มีการจัดการเชิงเดี่ยวอีกต่อไป ตนหวังว่าเด็กเยาวชนต้องเรียนรู้เขาแผงม้าอีกหลายแง่มุม ทั้งป่าต้นน้ำ ป่าธรรมชาติ สถานการณ์เขาแผงม้าต้องไกล่เกลี่ยหรือคลี่คลายความขัดแย้ง โดยมีกฎกติกาอยู่ที่แผนแม่บท เมื่อได้แผนแม่บทก็ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการ และมีคณะกรรมการติดตามแผน
นายหาญณรงค์กล่าวว่า ได้มาเดินธรรมยาตรา และได้ขึ้นไปดูที่มีการเปิดพื้นที่เขาแผงม้า ทั้งนี้เขาแผงม้าถูกกำหนดให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เมื่อเดือนกันยายน 2554 โดยในประกาศระบุชัดห้ามมิให้ตัดต้นไม้หรือเปลี่ยนแปลงทางน้ำ เว้นได้รับอนุญาตจากอธิบดี แต่ที่ไปดูคือ ที่ทำอยู่ตอนนี้ผิดทุกเรื่อง ทั้งไถดิน ตัดต้นไม้และเปลี่ยนทางน้ำของห้วยหนองคลองบึง ขณะเดียกันเรื่องการการขยายถนนรอบเขาใหญ่ ตนเห็นว่าทำกันเกินไปซึ่งผิดวิสัย
“ผมอยากให้มาดูพื้นที่ มีคนมาตอบว่าเมื่อคืนพื้นที่แล้วให้ทำใจว่าจะถูกเอาไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราปลูกป่าเพื่อคืนให้ธรรมชาติ เราไม่ได้ต้องการให้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ เราทำแล้วมอบให้คนอื่นดำเนินการ แต่กลับถูกนำไปเปลี่ยนสภาพทั้งหมด จะอ้างว่าหญ้าสำหรับกระทิงไม่พอ ถ้าจะปลูกก็ไปปลูกที่กลางป่า ไม่ใช่มาปลูกหญ้าริมแนวเขตริมรั้ว ผมคิดว่าเรื่องนี้เห็นชัดว่าไม่ตรงกับประกาศ” นายหาญณรงค์กล่าว
นายนพดล ประยงค์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าระบบนิเวศทุ่งหญ้ามักอยู่ในแอฟริกา จริงๆเอามาประยุกต์ได้ แต่การทดลองใดๆควรเริ่มในพื้นที่เล็กๆให้เห็นผลก่อน ไม่ใช่เอามาหว่านในพื้นที่ขนาดใหญ่เลย เพราะยังไม่มีผลการวิจัยรองรับว่าหญ้าต่างถิ่นชนิดนี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างไรบ้าง ที่สำคัญคืออาหารของกระทิง ไม่ใช่มีแค่ทุ่งหญ้าเพราะกระทิงกินอาหารหลายอย่าง และป่าในประเทศไทยก็มีความหลากหลาย พวกหญ้าต่างๆจะฟื้นขึ้นมาเอง โดยหญ้าที่กระทิงกินมักอยู่ในที่โล่งแจ้ง ดังนั้นการปลูกหญ้าลูซี่คลุมดิน อาจส่งผลกระทบกับพืชดั้งเดิมก็ได้
//////////////////////////////