Search

ประธานค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละขอบคุณคนไทยที่ให้โอกาสออกมาทำงานข้างนอก นักวิชาการเผยวิจัยพบคนเหล่านี้มีศักยภาพสูง แนะรัฐสำรวจความรู้ความสามารถ-ใช้ประโยชน์ให้ถูกทาง

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 นายซอ ซันเดย์ ประธานคณะกรรมการผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้ผู้ลี้ภัยทั้ง 9 ค่ายออกมาทำงานข้างนอกได้ว่า รู้สึกซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณและขอขอบคุณรัฐบาลไทยเป็นอย่างยิ่งให้โอกาสพวกตน นอกจากนี้ยังขอขอบคุณ NGOs และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงและช่วยผลักดันในครั้งนี้ ซึ่งพวกตนพร้อมที่จะออกไปทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และขอบคุณประชาชนไทยที่เข้าใจ

นายซอ ซันเดย์กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีมติครม.ออกมาแล้ว แต่ยังไม่ทราบแนวทางที่ชัดเจนซึ่งกำลังรอฟังจากฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องโดยทราบว่าขณะนี้กำลังมีการหารือกันอยู่ที่กรุงเทพฯ สำหรับเรื่องการเตรียมความพร้อมนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อรู้ว่าจะถูกตัดงบประมาณ ทางองค์กรที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือเตรียมความพร้อมอยู่เป็นระยะๆในการออกไปทำงานข้างนอกค่าย หลายคนได้ผ่านการฝึกฝนงานด้านต่างๆ ในส่วนของค่ายแม่หละมีผูเลี้ภัยที่อายุ 18-60 ปีไม่น้อยกว่า 10,000 คน ที่พร้อมออกไปทำงาน อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูก่อนว่ารัฐบาลจะออกเอกสารประเภทไหนให้ไปทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างการออกไปหางานทำข้างนอก กับการเอางานข้างนอกเข้ามาให้ทำในค่าย อย่างไหนเหมาะสมกว่ากัน ประธานคณะกรรมการค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละกล่าวว่า มีบางบริษัทต้องการที่จะนำงานมาให้ผู้ลี้ภัยในค่ายทำ แต่เมื่อมาดูพื้นที่พบว่าอาจมีปัญหาเพราะค่อนข้างคับแคบ และอาจไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร

ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกไปทำงานด้านนอกหวั่นเกรงว่าจะต้องตกเป็นเหยื่อพวกค้ามนุษย์หรือไม่ นายซอ ซันเดย์กล่าวว่า หลายคนก็เป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าก่อนออกไปเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยคงได้มีการตรวจสอบดีแล้ว

ขณะที่ ผศ.ดร.มาลี สิทธิเกรียงไกร อาจารย์ประจำศูนย์ชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า มติ ครม.ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชมเชยเพราะให้โอกาสผู้ลี้ภัยในค่ายได้ออกมาทำงานข้างนอก โดยคนเหล่านี้มีศักยภาพหลากหลาย เพราะผ่านการฝึกอบรมงานด้านต่างๆมาแล้ว หลายคนเก่งภาษาอังกฤษและภาษาพม่า ดังนั้นจึงไม่ควรถูกตีกรอบให้เข้าไปเป็นเพียงแรงงานต่างด้าวซึ่งไม่สามารถทำงานในอาชีพที่สงวนไว้ให้คนไทยได้

ผศ.มาลีกล่าวว่า เมื่อกว่า 10 ปีก่อนคณะนักวิจัยนำโดย ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ผู้อำนวยการศูนย์ชาติพันธุ์และการพัฒนาฯได้ทำการวิจัยเกี่ยงกับค่ายผู้ลี้ภัยโดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ซึ่งการศึกษาครั้งนี้พบว่าผู้ลี้ภัยในค่ายมีศักยภาพมาก ดังนั้นเมื่อรัฐบาลไทยมีมติ ครม.ออกมาแล้ว น่าจะศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้

“พวกเขาอยู่ในค่ายกันมา 30-40 ปี มีองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งเข้าไปฝึกอบรมด้านอาชีพให้ เช่น ซ่อมรถ ทำอาหาร ตัดผม หรือทำฟาร์มออกแกนิค คนจำนวนไม่น้อยผ่านการฝึกฝนมาแล้ว เพียงแต่ไม่ไปทำงานข้างนอก พวกเขาไม่ใช่เริ่มต้นที่ศูนย์ซึ่งรัฐบาลควรเข้าไปดูข้อเท็จจริงเพื่อใช้ศักยภาพของพวกเขาได้อย่างเต็มที่”ผศ.มาลี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีแนวโน้มควรที่จะปิดศูนย์ผู้ลี้ภัยในไทยหรือไม่ ผศ.มาลีกล่าวว่า การให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งมาดูแลผู้ลี้ภัยไปตลอดคงไม่ได้เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก การจะปิดค่ายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจุบัน เช่น ประเทศที่ 3 รับคนเหล่านี้ไปด้วย บางส่วนอาจกลับสู่ประเทศต้นทาง และในช่วงเปลี่ยนผ่าน สังคมไทยก็ต้องคิดด้วยว่ามีกระบวนการคัดเลือกคนเหล่านี้อย่างไร

“เห็นด้วยว่าค่อยเหล่านี้ต้องปิด และให้เขาออกมาทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเอง ถ้ารัฐไทยไม่แน่ใจว่าจะให้สถานะพวกเขาเช่นไร ก็ควรคุยกันก่อนว่าควรขยับกันอย่างไร ค่อยๆเลื่อนสถานะคนที่ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้วอย่างไร และคนที่มีคุณภาพควรจะขยับกันอย่างไร” ผศ.มาลี กล่าวผศ.มาลี กล่าวว่าคนกลุ่มนี้เขามีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยขอให้นึกถึงคนจีนโพ้นทะเลในยุคก่อนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพราะเขาได้โอกาสในการทำมาหากิน เขาสำนึกในแผ่นดินไทย ที่สำคัญคนไทยจำนวนไม่น้อยยังเข้าใจผิดคิดว่าผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้เป็นคนพม่าที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยเสียกรุงศรีอยุธยา ซึ่งไม่ใช่เลย แต่คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบแล้วไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินเกิดได้จึงเข้ามาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย

ผศ.มาลี กล่าวว่าคนกลุ่มนี้เขามีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยขอให้นึกถึงคนจีนโพ้นทะเลในยุคก่อนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพราะเขาได้โอกาสในการทำมาหากิน เขาสำนึกในแผ่นดินไทย ที่สำคัญคนไทยจำนวนไม่น้อยยังเข้าใจผิดคิดว่าผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้เป็นคนพม่าที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยเสียกรุงศรีอยุธยา ซึ่งไม่ใช่เลย แต่คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบแล้วไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินเกิดได้จึงเข้ามาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย